จัดการผลกระทบแผ่นดินไหว ทดสอบภาวะผู้นำปธน.ตุรกี

จัดการผลกระทบแผ่นดินไหว ทดสอบภาวะผู้นำปธน.ตุรกี

แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดที่กำลังเกิดขึ้นกับตุรกีตอนนี้อาจเป็นเดิมพันที่สูงมากสำหรับประธานาธิบดีเรเซป เทยิป เออร์ดวนของตุรกี ในศึกเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้

ผู้สังเกตการณ์และผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองหลายคนมองว่า ในสถานการณ์แบบนี้อาจช่วยให้สถานะของประธานาธิบดีเออร์ดวน ผู้นำพรรคเอเคพีแข็งแกร่งขึ้น หากเขาจัดการกับผลกระทบจากวิกฤตภัยพิบัติครั้งนี้ได้ดี แต่ถ้าล้มเหลวก็อาจเจอชะตากรรมเดียวกับ “บูเลนท์ อีเซวิต” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อครั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในตุรกีในปี 2542 ซึ่งนายอีเซวิตถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการจัดการรับมือกับภัยพิบัติครั้งนั้น และนำมาซึ่งชัยชนะของพรรคเอเคพีที่นำโดยเออร์ดวนในการเลือกตั้งปี2545

“โวลฟานโก พิคโคโล” ผู้เชี่ยวชาญจากทีนีโอ ที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงภัยทางการเมือง มีความเห็นว่า การตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้ผู้นำพรรคเอเคพีและพรรคของเขาแข็งแกร่งขึ้น โดยกระตุ้นความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติิภายใต้การนำของเออร์ดวน ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายสำคัญของรัฐบาลเออร์ดวน

ส่วนผู้เชี่ยวชาญอีกคนจากศูนย์นโยบายต่างประเทศ ในสหราชอาณาจักร มีความเห็นว่า หากการตอบสนองต่อสถานการณ์หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวไม่ประสบผลสำเร็จ เออร์ดวนอาจปราชัยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ค.นี้

ถูกวิจารณ์รัฐบาลตอบสนองล่าช้า

ผู้คนในประเทศไม่ค่อยพอใจกับการตอบสนองหรือให้ความช่วยเหลือที่ล่าช้าของรัฐบาล ซึ่งประธานาธิบดีเออร์ดวน ก็ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องระหว่างที่ลงพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดฮาทัย แต่ก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติรุนแรงแบบนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  

พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีเออร์ดวนยังให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่มีการประเมินจำนวนผู้ได้รับผลกระทบว่ามีจำนวนมากกว่า 13.5 ล้านคน

“โกนูล โทล” นักวิเคราะห์ที่อยู่ในตุรกีขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสูญเสียญาติไปในเหตุการณ์นี้ด้วย บอกว่า ผู้ประสบภัยโกรธแค้นและไม่พอใจรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในจังหวัดฮาทัย หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

โทล ยังบอกด้วยว่า เหตุแผ่นดินไหวปี 2542  องค์กรภาคประชาสังคมทำงานอย่างทุ่มเทเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ครั้งนี้เหลือองค์กรภาคประชาสังคมน้อยลง เนื่องจากปธน.เออร์ดวนปราบปรามองค์กรในภาคส่วนนี้ไปหลายแห่งหลังเกิดการพยายามก่อรัฐประหารล้มอำนาจเขาแต่ล้มเหลวในปี 2559

ยอดตายสองประเทศทะลุ20,000 คน

ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวรุนแรงในตุรกีและซีเรีย ยังคงพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยในวันพฤหัสบดี(9ก.พ.) ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 21,000 ราย ในขณะที่ความช่วยเหลือชุดแรกจากสหประชาชาติ(ยูเอ็น)เดินทางถึงพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏในซีเรียแต่ความหวังพบผู้รอดชีวิตเริ่มเลือนลางลงเรื่อยๆ หลังจากช่วงเวลา 72 ชั่วโมง ที่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นไปได้ในการช่วยชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ องค์การอนามัยโลก(WHO)ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปซีเรีย บอกว่าความหนาวเหน็บเป็นอุปสรรคสำคัญต่อปฏิบัติการค้นหาตามอาคารที่พังราบเป็นหน้ากลองหลายพันหลัง และคุกคามชีวิตของผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวจำนวนมาก ซึ่งต้องอยู่โดยไม่มีสถานที่พักพิงชั่วคราวและน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค

จีดีพีไตรมาส3/ปี65 ขยายตัวแค่3.9%

สถาบันสถิติแห่งชาติของตุรกี ระบุเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจของประเทศขยายตัว 3.9% ในไตรมาส3ปีที่แล้ว ถือว่าขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เพราะการส่งออกชะลอตัวแต่รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของตุรกียังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของตุรกีในไตรมาสดังกล่าวหดตัว 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ถือเป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงในไตรมาส2 ของปี2563

WHO เตือนซีเรียเจอวิกฤตด้านสาธารณสุข

“ฮานส์ คลูจ” ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรปของ WHO เตือนว่า ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวกำลังเจอวิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งใหม่ ซึ่งหมายถึงการจัดหาที่พักพิง อาหาร น้ำ รวมถึงยาให้กับผู้ประสบเหตุ ที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็นติดลบ

คลูจ กล่าวด้วยว่า ในซีเรียซึ่งประสบปัญหาการสู้รบมาอย่างยาวนาน การดำรงชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับแหล่งเก็บน้ำ ซึ่งประสบปัญหาทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว จำเป็นต้องมีการเร่งสร้างแหล่งเก็บน้ำขึ้นใหม่ เนื่องจากซีเรียเพิ่งเจอกับการแพร่ระบาดของโรคอหิวาตกโรคก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดไม่นาน

สถานทูตตุรกีเปิดรับบริจาคสิ่งของ

สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย เผยแพร่ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ขอรับบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภคจำเป็น โดยเฉพาะอาหารแห้ง อาหารสำหรับเด็กเล็ก อุปกรณ์ยังชีพ และเครื่องนุ่งห่ม ตลอดจน ผ้าอ้อมเด็กและผ้าอนามัย โดยในส่วนของเครื่องนุ่งห่ม ขอให้เป็นเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับฤดูหนาว และสภาพอากาศหนาวเย็นจัด

ผู้มีจิตศรัทธาและผู้ที่สนใจสามารถบริจาคสิ่งของดังกล่าว ได้ที่สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ชั้น 16 อาคาร 1 เอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 จนถึงวันที่ 13 ก.พ. นี้ โดยช่วงเวลาของการรับบริจาคคือระหว่าง 10.00-12.00 น. ของแต่ละวัน