ส่องเทรนด์อาชีพยุคปลดคน ทักษะเทคยังเป็นที่ต้องการ
เทรนด์บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ระดับโลกพากันปลดคนงานจากที่เคยแห่จ้างช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้เกิดคำถามว่า นับจากนี้ทักษะความสามารถแบบใดจะเป็นที่ต้องการของตลาด ผลสำรวจหลายชิ้นชี้ว่า อย่างไรเสียความสามารถด้านเทคโนโลยียังเป็นเรื่องจำเป็นของการทำงานในปัจจุบัน
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงาน อาจดูเป็นเรื่องประหลาดเมื่อข่าวหน้าหนึ่งมีแต่ข่าวปลดคนงาน และคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ตลาดแรงงานสหรัฐกลับเหมือนกับเหรียญสองด้าน เดือน ม.ค. ยอดปลดพนักงานอยู่ที่ราว 100,000 คน แต่ในเวลาเดียวกันนายจ้างว่าจ้างคนงานใหม่อีก 517,000 คน เกือบสามเท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นายเดวิด เคลลี หัวหน้านักกลยุทธ์โลกจากเจพี มอร์แกน แอสเสท แมเนจเมนท์ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “มรดกแห่งความแปลกประหลาด” ที่โควิด-19 ทิ้งไว้ให้กับเศรษฐกิจ กล่าวคือ นับถึงเดือน ธ.ค.2565 บางบริษัทและบางอุตสาหกรรมพบว่าตนมีพนักงานล้นเกินหลังโควิดระบาด ขณะที่อีกบางบริษัทและบางอุตสาหกรรมสิ้นหวังที่จะหาพนักงานใหม่หลังโควิด
ยิ่งไปกว่านั้นโควิดยังสร้างปัจจัยใหม่ในตลาดแรงงาน เช่น การทำงานจากบ้าน ถ้าเทรนด์นี้ยังอยู่ นายเคลลีมองว่าอาจส่งผลสะเทือนไปถึงทุกอย่างตั้งแต่ความต้องการรถจักรยานยนต์และอาคารสำนักงานไปจนถึงการชอปปิงออนไลน์ที่มากขึ้น
“ผมคิดว่าคุณได้เห็นมาตลอดว่าธุรกิจจำพวกเฮลธ์แคร์ บริการ พักผ่อนหย่อนใจ หาคนงานยากมาก แต่บริการภาคการเงินและเทคโนโลยีต้องการน้อยกว่า”
บริษัทสหรัฐที่กำลังว่าจ้างพนักงาน
ซีเอ็นบีซีสรุปว่า โบอิงวางแผนจ้างพนักงาน 10,000 คนในปีนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในแผนกผลิตและวิศวกรรม, สายการบินยังคงหานักบิน สนามบินหลายแห่งต้องการพนักงานหลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว, เชนร้านอาหาร “ชิโปเล” วางแผนจ้างพนักงาน 15,000 คน เช่นเดียวกับร้านอาหารอื่นๆ อีกจำนวนมาก ที่กำลังรับคนเพิ่มเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ ขณะเดียวกันบริษัทไฟฟ้า ประปา ฮีตเตอร์และแอร์พยายามรักษาคนงานที่มีอยู่ไม่ให้ลาออกไป
สำหรับคนงาน เท่ากับว่างานบางอุตสาหกรรมหาได้ยากในช่วงเศรษฐกิจถดถอย แต่อุตสาหกรรมอื่นหาได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่นในสหรัฐตอนนี้งานภาครัฐ บริการการศึกษา และบริการลูกค้า หาได้ยากผู้สมัครมีมากกว่าตำแหน่งงานว่าง งานที่หาได้ง่ายกว่า เช่น อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ การดูแลสุขภาพ และการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ส่วนอุตสาหกรรมบริการ เช่น ร้านอาหาร บาร์ กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน นายจ้างหลายคนกำลังเสนอเพิ่มค่าจ้างเพื่อดึงดูดคนงาน เช่น โฮมดีโปต์ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกประกาศแผนเพิ่มค่าจ้างเพื่อการนี้
งานเทคยังน่าสนใจ
แม้ข่าวการปลดพนักงานของอเมซอน กูเกิล เมตา ไมโครซอฟท์ และอื่นๆ อาจทำให้มองว่าพนักงานด้านเทคโนโลยีกำลังย่ำแย่ จริงๆ แล้วไม่ถูกไปเสียทั้งหมด งานด้านเทคโนโลยียังไปได้ดี ข้อมูลจากเว็บไซต์หางาน Indeed.com ชี้ว่า งานด้านเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในงานดีที่สุดสำหรับปี 2566
อันดับหนึ่งคือ Full-stack developer (นักพัฒนาเว็บอย่างเต็มรูปแบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน) ตามด้วยวิศวกรข้อมูล, วิศวกรคลาวด์, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส และนักพัฒนาโปรแกรมหลังบ้าน (Back-end developer)
ในบรรดางานยอดนิยม 25 อันดับแรก เกือบครึ่ง หรือ 44% เป็นงานภาคเทคโนโลยี
ข้อพึงตระหนักคือ “การทำงานในภาคเทคโนโลยี” ไม่ได้หมายความแค่การทำงานให้กับบิ๊กเทคอย่างแอ๊ปเปิ้ลหรืออเมซอน ทุกบริษัทไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก การเงิน หรือบริการมืออาชีพล้วนต้องการพนักงานด้านเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจของตนทั้งสิ้น
“ทุกบริษัทคือบริษัทเทค” นายเคลลีย้ำ
เทรนด์คนเก่งเอเชียแปซิฟิก
ปี 2565 เขตเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกหลายที่เติบโต และปีนี้ยังคงเหมือนเดิมแต่เขตเศรษฐกิจหลายแห่งจะเติบโตช้าลง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต้องเจอปัญหาซัพพลายเชนปั่นป่วน ความต้องการส่งออกลด ขณะที่ออสเตรเลียต่อกรกับเงินเฟ้อต่อเนื่อง
หนึ่งเดียวที่โดดเด่นคือเวียดนาม ที่ตั้งเป้าเศรษฐกิจขยายตัว 6.5% ในปีนี้ หลังจากกลายเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว เวียดนามยังได้ประโยชน์จากการที่บริษัทระดับโลกพยายามลดการพึ่งพาจีน ทั้งแอ๊ปเปิ้ล กูเกิล และซัมซุง เป็นหนึ่งในหลายบริษัทดังที่ขยายการผลิตมาที่นี่
นางสาวมิริ ยิม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเทคโนโลยีข่าวสารและข้อมูล กรีนไคลเมตฟันด์ (กองทุนที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ในเมืองอินชอนของเกาหลีใต้ กล่าวว่าแม้เศรษฐกิจชะลอตัวก็ใช่ว่าจะลดโอกาสของคนเก่ง ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโอกาสยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การจ้างงานสูงกว่าช่วงก่อนโควิดด้วยซ้ำไปและเนื่องจากบริษัทต้องรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พวกเขาต้องการมืออาชีพที่มีความสามารถในการจัดการการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
“ประสบการณ์ทำโครงการริเริ่มเกี่ยวข้องกับความเปลี่ยนแปลง ปรับโครงสร้างองค์การ แปลงรูปองค์การ หรือแม้แต่การจำกัดต้นทุน ทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะเป็นข้อได้เปรียบมาก” นางสาวยิมกล่าว
ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คาดว่างานดูแลสุขภาพจะมีการว่าจ้างสูง โดยเฉพาะเมื่อภูมิภาคนี้ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตลาดยาและเวชภัณฑ์โตเร็วที่สุดในโลกไปจนถึงปี 2569 อีกทั้งการดูแลสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลจะมีอัตราการเติบโตรายปีแบบผสม (CAGR) 26% ในช่วงเวลาดังกล่าว
ส่วนการที่ราคาพลังงานโลกพุ่งขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ช่วยให้กิจกรรมและการจ้างงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับฟินเทค รายงานของ KPMG บริษัทตรวจสอบบัญชีใหญ่สุดของโลกรายหนึ่งชี้ว่า เฉพาะครึ่งแรกของปี 2565 เม็ดเงิน 4.18 หมื่นล้านดอลลาร์ทุ่มเข้ามาในภาคส่วนนี้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนเริ่มแผ่วลงบ่งบอกว่า ความต้องการคนเก่งในภาคส่วนนี้ลดลงเช่นกัน กระนั้น รายงานอีกชิ้นจากบริษัทวิจัยตลาด KBV Research มองว่า บริการการเงินอัตโนมัติโดยใช้เอไอจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในภาคส่วนฟินเทคของเอเชียแปซิฟิกเติบโตได้ถึงปีละ 17.7% ไปจนถึงปี 2571
ด้านทักษะเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านการแสดงผลข้อมูลให้ออกมาเป็นรูปภาพ, กระบวนการที่สอดคล้องกัน และทักษะด้านเอไอทำให้ผู้สมัครงานโดดเด่น ในทุกภาคส่วนไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมไอที ผลสำรวจล่าสุดจากบริษัทประภันภัย “วิลลิส ทาวเวอร์ส วัตสัน” ชี้ว่า ความสามารถด้านเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่นายจ้างในเอเชียแปซิฟิกต้องการมากที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม