เปิดไทม์ไลน์ 'สหรัฐ-จีน' โต้คารมรอบใหม่ 'โควิดหลุดแล็บอู่ฮั่น'

วันอาทิตย์ (26 ก.พ.) 

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐ ประเมินด้วยความเชื่อมั่นต่ำว่าการระบาดของโควิด-19 เป็นผลจากไวรัสหลุดออกจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่นโดยไม่เจตนา ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ อีกสี่หน่วยงานรวมถึงคณะกรรมการข่าวกรองแห่งชาติ เชื่อว่า การระบาดน่าจะมาจากการติดต่อกันโดยธรรมชาติ อีกสองหน่วยงานไม่ตัดสิน

วันจันทร์ (27 ก.พ.) 

จอห์น เคอร์บี โฆษกความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบขาว แถลงว่า รัฐบาลยังไม่ได้ข้อสรุปเด็ดขาดหรือเห็นพ้องต้องกันเรื่องต้นกำเนิดโควิด

วันอังคาร (28 ก.พ.) 

คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เผยกับ ฟ็อกซ์นิวส์

“เอฟบีไอประเมินมาระยะหนึ่งแล้วว่าต้นตอของโรคระบาดน่าจะมาจากห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น” เขาไม่สามารถเผยรายละเอียดการประเมินของเอฟบีไอได้เพราะเป็นความลับ 

ผอ.เอฟบีไอ กล่าวหารัฐบาลจีน “พยายามอย่างเต็มที่เพื่อขัดขวาง และทำให้สหรัฐ และประเทศอื่นๆ ที่เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นกำเนิดโควิดเกิดความสับสน”

วันพุธ (1 มี.ค.)

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงข่าวประจำวัน “สหรัฐปั่นทฤษฎีไวรัสหลุดจากห้องแล็บอีกแล้ว ซึ่งไม่ได้ทำลายความน่าเชื่อถือของจีนแต่ทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐให้ตกต่ำลงไปอีก”

พร้อมกันนั้นเหมาย้ำถึงข้อกล่าวหาของจีนที่มีมานาน และปราศจากหลักฐานว่า ไวรัสอาจหลุดมาจากห้องวิจัยทหารสหรัฐที่ฟอร์ตเดทริก รัฐแมริแลนด์

“สหรัฐควรเคารพวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริง ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกให้เร็วที่สุด เชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาทำวิจัยตามรอยในสหรัฐ และแบ่งปันผลการวิจัยกับประชาคมโลก” โฆษกจีนย้ำ

ด้านนักวิทยาศาสตร์มองว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ต้นตอการระบาดของโควิด-19 เพื่อต่อสู้โรคได้ดียิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์