มองเกม "สี จิ้นผิง" ใช้อำนาจ "พรรคคอมมิวนิสต์" นำหน้าแก้ปัญหาการเงิน "จีน"

มองเกม "สี จิ้นผิง" ใช้อำนาจ "พรรคคอมมิวนิสต์" นำหน้าแก้ปัญหาการเงิน "จีน"

ทิศทางปัญหาภาคการเงินจีน จะคลี่คลายหรือไม่ หลังประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ยืนยันให้ "อี้ กัง" นั่งผู้ว่าการแบงก์ชาติจีน และ "หลิว คุน" เป็นรัฐมนตรีคลังจีนต่อ ขณะที่ประเทศต้องรับมือความเสี่ยงทางการเงิน และปัญหาขอขวดทางเทคโนโลยี ยุคประธานาธิบดีสี จิ้นผิงสมัยที่ 3

นักวิเคราะห์มองว่า การยังคงตำแหน่งของบุคคลอาวุโสสองท่านนี้ได้อยู่ต่อ ทั้งที่เลยเกษียณและไม่ได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์แล้ว ชี้ให้เห็นตรรกะความคิดทาง "การเมืองแบบใหม่" โดยอำนาจการตัดสินใจถูกเปลี่ยนมือไปอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์

วันนี้ที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้รับรองรายชื่อบุคคลระดับสูงที่ถูกเสนอชื่อโดยนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน 

นายหลี่ เฉียง ยังได้เสนอชื่อติง ซู่เสียงนายจาง กัวฉิง นายหลิว กัวโจว และนายเหอ หลีเฟิง เป็นรองนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายเจิ้ง  ซานจี้ เป็นประธานคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งจะเข้ามาช่วยวางแผนเศรษฐกิจจีน

รัฐมนตรีพาณิชย์ เกษตร และเทคโนโลยีจะอยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปนี้ด้วยเช่นกัน

 

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ภาคการเงินอาจต้องเหนื่อยหน่อย ในการคลี่คลายปัญหาที่ฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ไปพร้อมๆกับจัดการผลกระทบจากนโยบายต่างประเทศ และสนับสนุนทุนเพื่อให้เทคโนโลยีจีนยกระดับสูงขึ้นตามเป้าหมายประเทศ

ปัจจุบันจีนสามารถขยายการใช้เงินหยวนในธุรกิจต่างๆทั่วโลก สกุลเงินดิจทัล และระบบการชำระเงินระหว่างประเทศภายใต้แนวคิด “ความปลอดภัยในการพัฒนา”

หวัง จุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Huatai Asset Management กล่าวว่า การคงบุคคลที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติ และรัฐมนตรีคลังจีนต่อไป ถูกมองว่า เป็นการเปิดทางให้ทั้งสองอยู่ในตำแหน่งนานขึ้น โดยไม่สนใจถึงวาระดำรงตำแหน่งและสถานะทางการเมืองของพวกเขา

อี้ อายุ 65 ปี เคยเป็นอดีตรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยอินเดียน่า - มหาวิทยาลัยเพอร์ดู และศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เมื่อครั้งที่เขาบริหารภาคการเงินในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารจีน ต้องใช้ความพยายามคงเงินเฟ้อในปีที่แล้วอยู่ที่ 2% ขณะที่บางชาติต้องเผชิญเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี

 

 

เฉิน จีหวู ศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าวว่า เจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดในภาคการเงินของประเทศ อย่างผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติจีนควรต้องผ่านหลักสูตรเศรษฐศาสตร์มหภาค และเข้าใจนโยบายการเงินสมัยใหม่ให้ลึกซึ้ง ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงตัดสินใจผิดพลาด

เฉินกล่าวว่า มีผลในแง่การบริหารงานต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดช่องว่างในการปฏิรูปทางการเงิน ซึ่งแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันในระดับประเทศและทั่วประเทศ นำมาซึ่งความเสี่ยงใหม่ๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะปัญหาภาคการเงินในภูมิภาคต่างๆ จะเกิดขึ้นเหมือนกันจนกลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจมหภาค จนเป็นความเสี่ยงทางการเงินสูงขึ้น

ปักกิ่งให้ความสำคัญกับการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินอย่างเป็นระบบมาตั้งแต่ปี 2561

เหตุนี้ ทำให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินในอาณาจักรของมหาเศรษฐีเชี่ยว เจี้ยนหัว  เป็นนักการเงิน ผู้ให้คำปรึกษาทางด้านการเงินการลงทุน และเป็นเจ้าของ Tomorrow Group ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนทั้งในสินทรัพย์ ประกันภัย ถ่านหิน และปูนซีเมนต์ โดยมีสินทรัพย์ทั้งหมด 4.6 ล้านดอลลาร์

มาถึงตอนนี้ สี จิ้นผิง ยังคงแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงในภาคการเงินของประเทศอยู่ นี่อาจเป็นเหตุผลถึงให้อี้ กังและหลิว คุนเป็นโนมินีของเขาในการบริหารประเทศภายใต้คณะรัฐมนตรีของหลี่เฉียง