กต. พาคณะทูตฯ เยือนกระบี่ ชมทะเล-ปล่อยปู เรียนรู้โครงการอนุรักษ์ธรรมชาติ
กระทรวงการต่างประเทศนำคณะทูตานุทูต ทัศนศึกษา 'หาดไร่เลย์' แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ จ.กระบี่ และเยี่ยมชมโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเล เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวไทย
ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของประเทศไทยอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นทะเลอันดามันแสนสดใสทางภาคใต้ของประเทศ โดยเฉพาะทะเลในจังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวต่างชาติ
แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าแหล่งท่องเที่ยวสุดโปรดของใครหลายคนนั้น มีอุทยานแห่งชาติและโครงการในพระราชดำริที่คอยดำเนินการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่า แหล่งน้ำ รวมไปถึงสัตว์ป่าและสัตว์น้ำด้วย
เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยคลี่คลายลง ประกอบกับช่วงเวลาฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น จึงถือเป็นโอกาสทองของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาเยือนอีกครั้ง
กระทรวงการต่างประเทศได้เล็งเห็นถึงโอกาสนี้เช่นกัน จึงจัดทริปทัศนศึกษาพาคณะทูตและกงศุลต่างประเทศทั้ง 27 ประเทศ เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของไทย และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวอันมีค่าในประเทศไทย โดยมี "วาลเดอมาร์ ดูบันยอฟสกี" เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย เป็นคณบดีคณะทูตนำทัศนศึกษาในครั้งนี้ พร้อมด้วยกรมพิธีการทูตและกรมสารนิเทศของกระทรวงการต่างประเทศ คอยอำนวยความสะดวก
ในฐานะนักข่าวมือใหม่ ขอชื่นชมการจัดทริปของกระทรวงการต่างประเทศในครั้งนี้ว่า มีความพร้อมและดูแลแขกทุกคนเป็นอย่างดี
เมื่อเดินทางถึงสนามบินกระบี่ กระทรวงฯจัดรถบัสมารอรับเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของคณะ
ส่วนสถานที่แรกที่ประเทศไทยอยากเสนอให้คณะทูตได้ประทับใจเป็นครั้งแรกของทริป ในวันที่ 30 มี.ค. 66 คือ หาดไร่เลย์ จ.กระบี่ ซึ่งการเดินทางไปหาดไร่เลย์ ต้องต่อเรือไป กระทรวงฯจึงพาคณะไปต่อเรือที่ ท่าเรือ ‘พอร์ต ตะโกลา’ โดยสารด้วยเรือยอร์ชสุดพิเศษ มีบริการอาหารว่าง ทั้งเปาะเปี๊ยะ กะหรี่ปั๊บ แซนด์วิช ขนมไทย และผลไม้ตามฤดู ขอรับรองว่านอกจากคณะทูตจะอิ่มเอมกับรรยากาศแล้ว ยังอิ่มท้องด้วย
การเดินทางไป-กลับหาดไร่เลย์และท่าเรือใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เนื่องจากพอร์ต ตะโกลา เน้นให้นักท่องเที่ยวชมบรรยากาศธรรมชาติอย่างสบาย ๆ ผ่อนคลาย ไม่เร่งรีบ นอกจากนี้ เรือยอร์ชแต่ละลำยังมีไกด์คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกด้วย
หากกระทรวงฯ คิดว่าหาดไร่เลย์สามารถเป็น ความประทับใจแรกให้กับคณะทูตได้ นักข่าวอย่างเราต้องคอนเฟิร์มว่าคุณคิดถูก ! เพราะระหว่างการเดินทาง แขกทุกคนได้เห็นธรรมชาติที่สวยงามของท้องทะเลจังหวัดกระบี่ ทั้งน้ำทะเลสีเขียวมรกตเล่นแสงระยิบระยับกับพระอาทิตย์ และภูเขาหินปูนตามเกาะต่าง ๆ ที่สูงสง่าสวยงาม จนทูตและคู่สมรสหลายคนอดใจไม่ไหว ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปและวีดิโอตลอดการเดินทาง ส่วนทูตที่ดูมีความสุขเป็นพิเศษขอยกให้ "คเณศ ประสาท ธกาล" เอกอัครราชทูตจากเนปาล
สำหรับมื้ออาหารกลางวัน หลังจากชมความสวยงามของหาดไร่เลย์ พวกเราได้ไปร้านอาหาร “กุ้งกุลากาสัย” โดยมีนายภาสกร บุญญลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันและต้อนรับคณะทูตอย่างอบอุ่น ขณะรับประทานอาหารยังมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น “มโนราห์” และขับร้องเพลงพื้นเมืองให้คณะทูตได้ชมอย่างเพลิดเพลิน
นอกจากนี้ ทางจังหวัดกระบี่จัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ของจังหวัดให้กับคณะทูตได้เลือกซื้อ อาทิ ร้านผ้าปาเต๊ะ ร้านของที่ระลึก ร้านผ้าบาติก ร้านเครื่องจักรสาน ร้านเสื้อผ้ามัดย้อม และร้านเครื่องประดับไข่มุก ซึ่งร้านที่ได้รับความสนใจจากคณะทูตมากที่สุดในวันนั้น คือ ร้านเสื้อผ้าต่าง ๆ
ช่วงบ่าย กระทรวงฯพาคณะทูตเข้าชมโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเลฯอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เนื่องจากประเทศไทยอยากให้คณะทูตได้รู้จักกับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากไทยมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังมีหน่วยงานที่คอยกำกับดูแลและพัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์และยั่งยืน ควบคู่ไปกับการบริการท่องเที่ยว
ระหว่างการเยี่ยมชม มีการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์และการท่องเที่ยวสีเขียวจากเจ้าหน้าที่และหัวหน้าผู้ดูแลโครงการต่าง ๆ หลังจากฟังบรรยาย คณะทูตานุทูตเข้าเยี่ยมชมการสาธิตการทอผ้ากี่กระทบ การผลิตเครื่องจักรสานจากเตยปาหนัน การคั่วเมล็ดกาแฟ การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากเสม็ดขาว และการทำผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งโพรง จากนั้นร่วมทำกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปูคืนสู่ธรรมชาติบริเวณริมชายหาดทุ่งทะเล
ซึ่งสิ่งที่ได้รับความสนใจจากทูตหลายคน เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากใบเสม็ดขาว ส่วนคู่สมรสชื่นชอบกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าทอเป็นพิเศษ และคณะทูตทุกคนต่างตื่นเต้นกับกิจกรรมปล่อยปูมาก เพราะนอกจากได้ชมโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติแล้ว ทุกคนยังมีส่วนร่วมอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำได้จริง
กรุงเทพธุรกิจเชื่อว่ากิจกรรมทัศนศึกษาในวันแรกนี้ นอกจากสร้างความประทับใจ ความสนุกสนานให้กับคณะทูตแล้ว ยังได้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อความยั่งยืนอีกด้วย
ทั้งนี้ โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเล เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ สัตว์ป่า และสัตว์น้ำ
นอกจากนี้ โครงการยังดำเนินงานให้สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ที่ประเทศไทยนำเสนอเป็นแนวทางหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ บนเวทีการประชุมเอเปค 2022 ด้วย
ส่วนกิจกรรมทัศนศึกษาในวันที่สอง ณ จ.พังงา สร้างความประทับใจให้กับคณะทูตได้ไม่แพ้วันแรกเช่นกัน กระทรวงการต่างประเทศพาคณะทูตไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวที่ใด โปรดรอติดตามตอนต่อไป ใบ้ให้ว่า ชาวไทยอย่างเรายังอึ้งกับความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวไทย และขอรับประกันว่า ไม่มีที่ใดในโลกสวยงามเท่านี้ !