'เฟด' ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จ่อ 'คงดอกเบี้ย' ถึงปลายปีนี้
"เฟด" ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 10 ในรอบ 1 ปีเศษ พร้อมส่งสัญญาณปิดฉากภาวะ "ดอกเบี้ยขาขึ้น" ในสหรัฐ และอาจ "คงดอกเบี้ย" จนถึงปลายปีนี้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2550
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนึ้ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 10 ตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว มีขึ้นหลังจากเอฟโอเอ็มซีมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเมื่อเดือน มี.ค. 2566
แถลงการณ์ของ เอฟโอเอ็มซี ระบุว่า ภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวขึ้นสำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ 0.25% ถือว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ในวอลล์สตรีทต่างจับตาใกล้ชิดมากขึ้นว่า หลังจากนี้ เฟดจะดำเนินการด้านดอกเบี้ยอย่างไรต่อไป ท่ามกลางกระแสความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและภาวะวิกฤติธนาคารของสหรัฐที่ยังคงอยู่
ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า "เฟดจะพิจารณาดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และทยอยปรับลดนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เมื่อมีการตัดสินใจในอนาคต"
ก่อนหน้านี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย., ก.ค. และ ก.ย. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือน พ.ย. และปรับลดอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือน ธ.ค.
สำหรับการคาดการณ์นโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2566 มีดังต่อไปนี้:
วันที่ 13-14 มิ.ย. (คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%)
วันที่ 25-26 ก.ค. (คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%)
วันที่ 19-20 ก.ย. (คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%)
วันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. (คาดลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00%)
วันที่ 12-13 ธ.ค. (คาดลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.50-4.75%)