รู้จัก'อาเจย์ บังกา' ประธานธนาคารโลกคนใหม่ เริ่มทำงาน 2 มิ.ย.นี้
เวิลด์แบงก์ หรือ ธนาคารโลก ลงมติเลือก 'อาเจย์ บังกา' นักการเงินชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)มาสเตอร์การ์ด บริษัทให้บริการบัตรเครดิต เป็นประธานคนใหม่ โดยจะเริ่มรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 2 มิ.ย. นี้
คณะกรรมการบริหารของ ธนาคารโลก ลงมติเลือก บังกา ซึ่งเป็นผู้ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเป็นผู้ยื่นเสนอชื่อด้วยตนเอง ให้เป็นประธานธนาคารโลกคนใหม่ รับตำแหน่งต่อจากเดวิด มัลพาส ที่กำลังจะลงจากตำแหน่งในเดือนหน้า
ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวยกย่องประธานธนาคารโลกคนใหม่ ซึ่งจะเป็นประธานธนาคารโลกชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียคนแรก ว่าเป็น "ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง" และเชื่อว่า บังกาจะสามารถนำปัญหาภาวะโลกร้อนเข้าไปรวมอยู่ในความท้าทายที่ธนาคารโลกต้องเผชิญในการทำงานร่วมกับบรรดาประเทศกำลังพัฒนาได้เป็นอย่างดี
"บังกา จะเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาจะนำความรู้ ประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ มาให้กับตำแหน่งประธานธนาคารโลก และเขาจะช่วยนำพาสถาบันการเงินแห่งนี้ผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงและการขยายตัว เพื่อรับมือกับความท้าทายของโลกที่กำลังส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักของธนาคารโลก คือการแก้ไขปัญหาความยากจน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก" ปธน.ไบเดน กล่าว
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ประธานาธิบดีสหรัฐจะเป็นผู้เสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารโลกคนใหม่ ซึ่งก็มักจะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารของธนาคารโลก แม้ว่าในความเป็นจริง ประเทศสมาชิกทุกประเทศต่างก็มีสิทธิ์เสนอชื่อได้ แต่สหรัฐเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในธนาคารโลก
ในส่วนของมัลพาสจะพ้นวาระในการดำรงตำแหน่งในเดือนมิ.ย.ที่จะถึงนี้ หลังจากอยู่ในตำแหน่งมาไม่ถึง 5 ปี
บังกา วัย 63 ปี ถือเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้ โดยเขาจะเริ่มวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ในวันที่ 2 มิ.ย. โดยบังกาเกิดที่ประเทศอินเดีย แต่ปัจจุบัน เป็นพลเมืองสหรัฐ
อาเจย์ บังกา เริ่มต้นอาชีพในประเทศอินเดียบ้านเกิดของเขา โดยบิดาเป็นนายทหารในกองทัพอินเดีย และเขาเคยทำงานที่บริษัทเนสท์เล่ และซิตี้กรุ๊ป ก่อนจะมาร่วมงานกับบริษัทมาสเตอร์การ์ด ซึ่งเขาทำงานอยู่ที่นั่นมากกว่า 10 ปี
ปธน.ไบเดน ให้เหตุผลในการเสนอชื่อบังกา เป็นประธานคนใหม่ของธนาคารโลกว่า “เขามีสายสัมพันธ์กับภาคเอกชนและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการยกเครื่องสถาบันให้กู้ระดับโลกที่มีอายุ 77 ปีแห่งนี้ให้ดีขึ้น และหันมาใส่ใจการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกมากขึ้นด้วย"