รวมนิสัยการกิน ‘สุดโต่ง’ ของเหล่าผู้บริหารระดับโลก
เปิดนิสัยการกินแบบสุดโต่งของเหล่าผู้บริหารระดับโลก พบ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ดื่มโค้กวันละ 6 กระป๋อง “สตีฟ จ็อบส์” เลือกกินเพียงแครอทและแอปเปิล ด้าน “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” เป็นมังสวิรัติ แต่จะกินเนื้อสัตว์เพียงครั้งคราว จากการลงมือเชือดด้วยตัวเองเท่านั้น!
“กินอะไรเป็นอาหาร ทำไมถึงฉลาดขนาดนี้?” คำถามหยิกแกมหยอกที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี จนชวนให้นึกสงสัยว่า ชีวิตประจำวันของบรรดาผู้บริหารมือฉมัง ที่สามารถนำพาบริษัททะยานสู่ “ตัวท็อป” ของโลกได้นั้น มีเบื้องหลังเป็นมาอย่างไรบ้าง
ในบทความนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” จะพาไปเจาะลึกพฤติกรรมการการกินแบบ “สุดโต่ง” ของผู้บริหารระดับ “Big Corp” ไม่ว่าจะเป็น สตีฟ จ็อบส์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “มังสวิรัติตัวพ่อ” เคร่งครัดมากเสียจนเลือกกินเพียงแครอทกับแอปเปิลเท่านั้น อีลอน มัสก์ ที่มองว่า การรับประทานอาหารนั้นเสียเวลา เขาจึงเลือกกินเพียงมื้อค่ำ หรือ บิล เกตส์ ที่ไม่เน้นมื้ออาหารเช่นกัน เพราะติดการกิน “โค้ก ไดเอต” ตลอดทั้งวันมากกว่า เป็นต้น
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 2015 “วอร์เรน บัฟเฟตต์” นักธุรกิจและนักลงทุนชื่อดังเคยให้สัมภาษณ์กับ “ฟอร์จูน” (Forture) นิตยสารด้านธุรกิจ เศรษฐกิจ และการเงินไว้ว่า เขาชอบดื่มโค้กขนาด 12 ออนซ์ ราว 5 กระป๋องต่อวัน โดยรสโปรดของเขา คือ รสออริจินัลและรสเชอร์รี
บัฟเฟตต์พูดติดตลกด้วยว่า เขามีนิสัยการกินราวกับเด็ก 6 ขวบ เพราะนอกจากน้ำอัดลมที่โปรดปรานแล้ว มันฝรั่งแผ่นอบกรอบยี่ห้อ “Utz” ก็เป็นอีกอย่างที่เขาชอบกินคู่กันด้วย และบางครั้ง บัฟเฟตต์มักจะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยไอศกรีมสักถ้วยก่อนเป็นอย่างแรก
บัฟเฟตต์เผยว่า เหตุผลที่เขาชอบกินขนมราวกับเด็กนั้น เพราะเคยพลิกดูสถิติที่ระบุว่า เด็ก 6 ขวบ มีอัตราการเสียชีวิตต่ำที่สุดในทุกช่วงวัย ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจกินอาหารประเภทเดียวกันกับเด็ก 6 ขวบ ขณะที่ “บิล เกตส์” เพื่อนสนิทของบัฟเฟตต์เคยเล่าว่า นอกจากโค้กและมันฝรั่งแล้ว มหาเศรษฐีวัย 92 ปีคนนี้ ยังชอบแฮมเบอร์เกอร์และโอรีโอ้อีกด้วย
- มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg)
สำหรับซัคเคอร์เบิร์ก ประเภทของอาหารอาจจะไม่ได้แปลกมากเท่ากับวิธีคิดเกี่ยวกับกรรมวิธีการได้มาซึ่งวัตถุดิบ โดยเมื่อปีค.ศ. 2011 ซัคเคอร์เบิร์กได้โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนเพิ่งฆ่าหมูกับแพะไปหมาดๆ ต่อมา เขายอมรับว่า ปัจจุบัน หากต้องกินอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ ต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่เขาลงมือเชือดด้วยตัวเองเท่านั้น
เหตุผลก็เพราะเขารู้สึกว่า ที่ผ่านมา เรามักจะหลงลืมความเสียสละของสิ่งมีชีวิตที่ต้องตายเพื่อมาเป็นอาหารบนโต๊ะ ซัคเคอร์เบิร์กตั้งเป้าว่า จะทำแบบนี้เพียงปีละครั้ง เพราะช่วยให้เขาได้ระลึกและขอบคุณถึงความเสียสละของสัตว์เหล่านี้ โดยในวันปกติ ซัคเคอร์เบิร์กยังคงเป็นมังสวิรัติ พร้อมไปกับการเรียนรู้ถึงวิธีการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์อย่างยั่งยืน เพื่อให้สัตว์ที่ตายไปทรมานน้อยที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข้อมูลจากสำนักข่าวเดอะการ์เดียน (The Guardian) รายงานว่า แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตผู้บริหารทวิตเตอร์ (Twitter) เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร “Rolling Stone” ว่า หากให้เล่าการเผชิญหน้าที่น่าจดจำมากที่สุดครั้งหนึ่ง เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อปีค.ศ. 2011 ที่ซัคเคอร์เบิร์กชวนไปทานมื้อค่ำที่บ้าน ซึ่งทำให้เขาได้พบกับเมนูสุดพิเศษ นั่นคือ เนื้อแพะอบที่ซัคเคอร์เบิร์กเป็นคนลงมือเชือดด้วยตัวเอง แต่สุดท้าย ดอร์ซีย์ก็ตัดสินใจทานสลัดผักแทนเนื้อแพะที่กำลังอบอยู่ในเตา
- สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
ในบรรดาผู้บริหารทั้งหมด สตีฟ จ็อบส์ ขึ้นชื่อเรื่องพฤติกรรมการกินที่เคร่งครัดและสุดโต่งมากเป็นพิเศษ โดยข้อมูลการกินของเขามีทั้งจากคนใกล้ตัว รวมถึงได้ถูกเขียนไว้ในหนังสือชีวประวัติด้วย
จ็อบส์มักจะกินอาหารเพียง 1-2 ประเภทติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยเขาขึ้นชื่อว่าเป็น “Fruitarian Diet” หรือควบคุมน้ำหนักด้วยการรับประทานผลไม้เพียงอย่างเดียว ผลไม้ที่จ็อบส์กิน ได้แก่ แอปเปิลและแครอท รวมถึงพืชตระกูลถั่วและธัญพืชด้วย แม้การกินผักและผลไม้จะดีต่อสุขภาพ แต่ก็ให้สารอาหารประเภทโปรตีนกับร่างกายน้อยมากเช่นกัน
โดยนักโภชนาการได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของจ็อบส์ว่า การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนมีความสำคัญมาก เพราะโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรง ทำให้การเผาผลาญเป็นไปอย่างราบรื่น หากร่างกายไม่ได้รับโปรตีนที่เพียงพอ ก็จะทำให้ได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นน้อยเกินไป ซึ่งมีผลต่อการสร้างโปรตีนในร่างกาย
นอกจากนี้ การกินผักผลไม้เพียงอย่างเดียวเป็นเวลานานๆ ยังทำให้ร่างกายไม่ได้รับไขมันที่เพียงพอ อาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ เพิ่มความเสี่ยงให้แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
เนื่องจาก จ็อบส์ เป็น “Fruitarian” เต็มตัว เขาจึงมีความเชื่ออย่างสนิทใจว่า อาหารวีแกนที่ทาน ทำให้ร่างกายปราศจากกลิ่นตัว ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ และไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายด้วย ภายหลังข้อสังเกตนี้ก็ได้รับการยืนยันจากเพื่อนร่วมงานของจ็อบส์ว่า เขาคิดผิด ซึ่งได้มีการระบุไว้ในหนังสือชีวประวัติสตีฟ จ็อบส์ ที่เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน (Walter Isaacson) ด้วย
- บิล เกตส์ (Bill Gates)
ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ (Microsoft) เล่าว่า เขาชอบดื่ม “โค้ก ไดเอต” เป็นชีวิตจิตใจ โดยในหนึ่งวัน บิล เกตส์ จะดื่มราว 3-4 กระป๋อง เขายังเล่าติดตลกด้วยว่า หากนำจำนวนกระป๋องทั้งหมดที่ดื่มในแต่ละวันมารวมกันทั้งปี อาจมีปริมาณอลูมิเนียมมากถึง 16 กิโลกรัมทีเดียว
ตามรายงานของบิซิเนส อินไซเดอร์ (Business Insider) ระบุว่า เชฟมิชลิน สตาร์ ที่บิล เกตส์ ทำการจองโต๊ะไว้เล่าว่า ตลอดทั้งวันที่มหาเศรษฐีคนนี้นั่งทานอาหารที่ร้าน เขาไม่ได้สั่งเมนูอะไรเลย นอกจากโค้ก ไดเอต ของโปรดเพียงหนึ่งเดียว ด้าน เมลินดา เกตส์ (Melinda Gates) อดีตภรรยายังบอกด้วยว่า บางวัน เกตส์ไม่ได้รับประทานมื้ออาหารอย่างจริงจังด้วยซ้ำ และพฤติกรรมการกินของเขาก็ไม่ได้ดีนัก
นอกจาก โค้ก ไดเอต แล้ว ยังมี “ชีสเบอร์เกอร์” เป็นอีกเมนูโปรดที่ก็ไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการมากเท่าไร จนมีคำบอกเล่าที่ว่า หากใครมีนัดทานมื้อกลางวันกับ บิล เกตส์ เดาได้เลยว่า คุณจะได้ทานเมนูโปรดดังกล่าวไปพร้อมกับเกตส์แน่นอน
- อีลอน มัสก์ (Elon Musk)
ผู้บริหารที่ขึ้นชื่อเรื่องความ “บ้างาน” เขามีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย 80-90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่งผลมาถึงนิสัยการกินที่มัสก์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขามองว่าช่วงเวลารับประทานอาหารนั้น ทำให้เวลาการทำงานถูกลดทอนลงไป มัสก์จึงไม่ได้เคร่งครัดกับการกินมากนัก โดยปกติ จะไม่ทานมื้อเช้าและกลางวัน แต่หากอยากกินอะไรรองท้อง เขาจะเลือกกินโดนัทสักชิ้น หรือช็อคโกแลตแท่ง ยี่ห้อ “มาร์ส” (Mars) สักอัน มัสก์ชอบกินของหวานมาก โดยเขาออกตัวว่า ตั้งใจจะลดการกินของหวานในตอนเช้าลง และเปลี่ยนเป็นกาแฟสักแก้วแทน
นอกจากนี้ มัสก์ยังเป็นแฟนตัวยง “โค้ก ไดเอต” เช่นเดียวกับ บิล เกตส์ เขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Inc. ว่า ตนเองเคยดื่มโค้ก ไดเดต มากถึง 8 กระป๋องต่อวัน และคลั่งไคล้ถึงขนาดที่ดีลตัวแทนจำหน่ายโค้กมาวางขายที่สำนักงานด้วย
แม้จะรู้ว่า การดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมากไม่ดีต่อสุขภาพ แต่เขาก็ไม่สนใจ โดยมีหลักฐานเป็นข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวของมัสก์ที่ระบุว่า เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่า การกิน โค้ก ไดเอต จะทำให้อายุขัยสั้นลงหรือไม่
- ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson)
มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจในเครือ “เวอร์จิน กรุ๊ป” (Virgin Group) ระบุว่า ตนเองไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากไม่ได้ดื่มชา “English Breakfast” โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดลี เมล (Daily Mail) ว่า ตนดื่มชาราว 20 ถ้วยต่อวัน
นอกจากนี้ แบรนสันยังมีของโปรดอื่นๆ อย่างสลัดมูสลี่ผลไม้รวมที่จะทานเป็นอาหารเช้า แต่ตลอดทั้งวันชายังคงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อยู่ดี
- แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey)
ดอร์ซีย์เคยมีวิถีการรับประทานอาหารแบบสุดโต่งที่คล้ายคลึงกับ “สตีฟ จ็อบส์” ครั้งหนึ่ง เขาเป็นมังสวิรัติที่กินเพียงผลไม้ที่มีสารเบตา-แคโรทีนเท่านั้น ดอร์ซีย์เผยว่า ตอนนั้นเขารู้สึกได้ว่า ผิวหนังของตนเองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มระเรื่อ หลังจากนั้น จึงเปลี่ยนมากินแบบ “Paleo Diet” หรือแนวทางการทานอาหารฉบับคนยุคหิน คือ ไม่กินน้ำตาลขัดสี ธัญพืช และอาหารแปรรูปทั้งหมด
อาหารเช้าประจำวันของดอร์ซีย์ คือ ไข่ต้มสองฟองราดซอสถั่วเหลือง ซึ่งเป็นเพียงอาหารมื้อเดียวในแต่ละวัน ดอร์ซีย์ระบุว่า ตนเองถือ “ศีลอด” เขากินอาหารเพียง 1 มื้อต่อวัน และในช่วงสุดสัปดาห์ ดอร์ซีย์จะทำ “Intermittent Fasting” หรือ “IF” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) เขาระบุว่า การทำ IF ช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานมากขึ้น โดยทำ IF เป็นเวลา 22 ชั่วโมงต่อวัน หรือบางวันก็ไม่กินอะไรเลย
อ้างอิง: Business Insider, CNBC, Inc., SCMP, The Guardian 1, The Guardian 2, NBC News