'ไบเดน-ซูนัค' ลงนามข้อตกลงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
'ไบเดน-ซูนัค' ลงนามข้อตกลงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), แร่ธาตุที่สำคัญ, พลังงานสะอาด และความมั่นคง
นายริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ลงนามในข้อตกลงที่มีชื่อว่า "Atlantic Declaration" ซึ่งมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจท่ามกลางภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน
ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งมีการแถลงร่วมกันที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.) นั้น เป็นข้อตกลงที่ประกอบไปด้วยรายละเอียดมากมาย โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), แร่ธาตุที่สำคัญ, พลังงานสะอาด และความมั่นคง
นายซูนัคซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนสหรัฐได้กล่าวชื่นชมข้อตกลงฉบับนี้ โดยระบุว่า ข้อตกลง Atlantic Declaration เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจสำหรับยุคสมัยใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมกับชูประเด็นที่สหรัฐลงทุนครั้งใหม่มูลค่า 1.4 หมื่นล้านปอนด์ (1.75 หมื่นล้านดอลลาร์) ในอังกฤษ ซึ่งทั้งสองประเทศจะดำเนินการวิจัยร่วมกันในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีควอนตัม, เซมิคอนดักเตอร์ และ AI
รายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงฉบับนี้ได้โพสต์ลงบนเว็บไซต์ของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งระบุว่า อังกฤษและสหรัฐ จะเริ่มเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงที่จะอนุญาตให้แร่ธาตุที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งได้จากเหมืองในอังกฤษนั้น จะได้ประโยชน์ทางภาษีภายใต้กฎหมาย "Inflation Reduction Act" ของปธน.ไบเดน พร้อมระบุว่า ปธน.ไบเดนจะเรียกร้องให้สภาคองเกรสสหรัฐกำหนดให้อังกฤษเป็น "แหล่งทรัพยากรของสหรัฐ" ภายใต้กฎหมาย "U.S. Defense Production Act" ซึ่งจะช่วยให้ซัพพลายเออร์ในประเทศได้รับเงื่อนไขที่น่าพอใจมากขึ้น
"เรากำลังเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่มีต่อเสถียรภาพระหว่างประเทศ ตั้งแต่รัฐเผด็จการเช่นรัสเซียและจีน ไปจนถึงเทคโนโลยีที่สร้างความแตกแยก และความท้าทายในแง่ของการเปลี่ยนผ่าน เช่น ปัญหาโลกร้อน" เอกสารของรัฐบาลอังกฤษระบุ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า อังกฤษได้แยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2563 ขณะที่วิกฤตค่าครองชีพในอังกฤษและผลสำรวจความเห็นของประชาชนเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า ชาวอังกฤษเริ่มไม่เห็นด้วยกับการแยกตัวออกจาก EU ท่ามกลางวิกฤตค่าครองชีพสูงซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
นายซูนัคกล่าวว่า "ผมทราบดีว่ามีประชาชนบางส่วนไม่มั่นใจว่าอังกฤษควรจะเป็นพันธมิตรกับชาติใดหลังจากแยกตัวออกจาก EU ซึ่งผมอยากจะบอกพวกท่านว่า ขอให้ตัดสินเราจากการกระทำของเรา เรายังคงยึดมั่นในคุณค่าของเราเหมือนกับที่เคยเป็นมา เราจะพึ่งพาพันธมิตรเหมือนกับที่เคยเป็นมา และเราจะสามารถดึงดูดการลงทุนให้เข้าสู่ประเทศของเราเหมือนกับที่เคยเป็นมาด้วยเช่นกัน"