จากบนภูดูการชิงเมืองในสหรัฐอเมริกา | ไสว บุญมา
ยังอีกนานก่อนถึงวันเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา พ.ย.2567 ผู้สนใจลงสมัครเข้ารับเลือกเป็นประธานาธิบดี ต่างเริ่มออกปูฐานการหาเสียงอย่างจริงจังแล้ว สำหรับผมผู้มองดูอยู่ข้างนอกกรุงวอชิงตัน ไม่มีสิทธิออกเสียง พบว่าการเลือกประธานาธิบดีครั้งนี้มีข้อชวนคิดหลายอย่าง
ในเบื้องแรก ณ วันนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้สนใจลงสนามในนามของพรรคใหม่ การเลือกตั้งสหรัฐจึงจะเป็นการช่วงชิงกันระหว่างตัวแทนของพรรคเดโมแครตกับพรรคริพับลิกัน พรรคเดโมแครตครองอำนาจบริหารอยู่ในปัจจุบันผ่านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งประกาศว่าจะลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคอีกครั้ง
ตามธรรมดาถ้าประธานาธิบดีลงสมัคร ในพรรคของเขาจะไม่มีใครท้าชิง แต่คราวนี้มีแล้ว 2 คนเนื่องจากมองว่าประธานาธิบดีมีจุดอ่อนหลายอย่าง รวมทั้งความชราจากอายุที่ย่างเข้า 81 ปีแล้ว เรื่องความชราอาจทำให้คิดกว้างออกไปถึงหลายประเด็น เช่น การสร้างเทคโนโลยีใหม่ใช้แทนแรงงานดูแลผู้สูงวัยซึ่งนับวันจะมีสัดส่วนสูงขึ้น
ในจำนวนผู้ท้าชิง 2 คนนี้มีคนที่น่าสนใจเป็นพิเศษชื่อ โรเบิร์ต เคนเนดี จูเนียร์ ซึ่งเป็นหลานของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ครอบครัวเคนเนดีมีสมาชิกจำนวนมากและมักสนับสนุนกันอย่างแข็งขันในด้านการเมือง แต่ครั้งนี้ไม่มีใครในครอบครัวสนับสนุนนายโรเบิร์ต
คงเพราะไม่เห็นด้วยกับปัจจัยที่ทำให้เขาท้าชิงประธานาธิบดีจากพรรคของตัวเอง นั่นคือ นายโรเบิร์ตต่อต้านการใช้วัคซีนสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นผลของการสมคบคิดกันของหลายฝ่าย
นายโรเบิร์ตมิใช่ผู้มีการศึกษาสูงพร้อมกับมีบทบาทกว้างขวางทางการเมืองและสังคมคนเดียว ที่เชื่ออย่างฝังใจในทฤษฎีสมคบคิดซึ่งระบาดอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน คนสำคัญๆ จำนวนหนึ่งก็เชื่อรวมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้อ้างว่าตนแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเพราะมีกลุ่มอำนาจมืดสมคบคิดกันขจัดเขา ยังผลให้เขาไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
การไม่ยอมรับนั้นส่งผลให้ชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งถึงกับบ้าคลั่ง บุกเข้าไปขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งของรัฐสภาจนทำให้มีผู้เสียชีวิต ทฤษฎีสมคบคิดนี้ระบาดมาถึงเมืองไทยนานแล้วและมีอยู่กระทั่งในหมู่ผู้มีการศึกษาและบทบาททางสังคมสูง
ในบรรดาผู้ลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคริพับลิกันหลายคน ผู้ที่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษนอกจากนายทรัมป์ ผู้หวังจะลบล้างความพ่ายแพ้แก่นายไบเดนแล้ว ได้แก่ นายไมค์ เพนซ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีให้แก่นายทรัมป์
นายเพนซ์กำลังสร้างประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่อดีตรองประธานาธิบดีลงแข่งขันกับอดีตประธานาธิบดีที่เคยดำรงตำแหน่งด้วยกัน นายเพนซ์ทำเช่นนั้นเพราะเห็นว่า นายทรัมป์ทำผิดจรรยาบรรณร้ายแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา ในขณะที่กำลังทำหน้าที่ประธานกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
นอกจากนั้น ยังมีผู้ลงสมัครที่เคยเป็นตัวแทนของรัฐบาลอเมริกันในองค์การสหประชาชาติ ในสมัยที่นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีชื่อ นิกกี้ เฮลีย์ อีกด้วย เช่นเดียวกับนายเพนซ์ นางเฮลีย์มองเห็นจุดบกพร่องร้ายแรงของอดีตผู้แต่งตั้งตนให้ดำรงตำแหน่งระดับรัฐมนตรีถึงกับทำให้กล้าลงท้าชิง
สตรีผู้นี้มีภูมิหลังน่าสนใจมาก เนื่องจากพ่อแม่ของเธออพยพไปจากอินเดียและเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทางการเมืองมาตั้งแต่อายุยังน้อย รวมทั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ว่าการของรัฐเซาท์แคโรไลนา ก่อนได้รับตำแหน่งแต่งตั้งโดยนายทรัมป์
นางเฮลีย์มิใช่ผู้เกิดจากพ่อแม่ผิวสีจากต่างแดน ที่ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงในสหรัฐ ในปัจจุบันนี้ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ก็เกิดจากพ่อแม่ผิวสีซึ่งเพิ่งอพยพเข้าไปอยู่ในสหรัฐ และย้อนไปไม่นาน สหรัฐมีประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งพ่อเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยจากแอฟริกา
เรื่องเหล่านี้อาจคิดต่อไปได้ถึงหลายประเด็น ประเด็นที่โดดเด่นที่สุดอาจได้แก่ สหรัฐเปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถสูงแม้จะมีผิวสีและมีพ่อแม่เป็นต่างชาติ การเปิดโอกาสเป็นกุญแจดอกสำคัญของการพัฒนาและการแสวงหาเลือดใหม่ให้ประเทศของเขา