'บลิงเคน' พบ 'สี จิ้นผิง'สัมพันธ์จีน-สหรัฐคืบหน้า
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐปิดฉากเยือนจีนอย่างสวยงามด้วยการเข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนเผยเอง สหรัฐ-จีน คืบหน้าในหลายประเด็น
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ต้อนรับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ (19 มิ.ย.) หลัง 16.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นเล็กน้อย
นายบลิงเคนถือเป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐระดับสูงสุดที่มาเยือนจีนในรอบเกือบห้าปี ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกกำลังตึงเครียดรุนแรง
โอกาสนี้นายสีได้กล่าวกับนายบลิงเคน “ฝ่ายจีนมีจุดยืนชัดเจน และทั้งสองฝ่ายเห็นชอบปฏิบัติตามความเข้าใจร่วมที่ประธานาธิบดีไบเดนและผมได้ตกลงกันที่บาหลี นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังสร้างความคืบหน้าและบรรลุข้อตกลงในประเด็นเฉพาะจำนวนหนึ่ง ผมหวังว่าการมาเยือนของรัฐมนตรีบลิงเคนสามารถสร้างประโยชน์ในทางบวกเพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์จีน-สหรัฐให้แข็งแกร่งได้”
การพบกันระหว่างทั้งสองคนกินเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเศษ ก่อนหน้านั้นนายบลิงเคนใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมงตลอดสองวันในกรุงปักกิ่งพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน โดยในวันจันทร์นายบลิงเคน ได้พบกับนายหวังอี้ มนตรีแห่งรัฐผู้เป็นเบอร์หนึ่งด้านการต่างประเทศจีน ที่เรือนรับรองเตียวหยู่ไท่ของรัฐบาล
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนรายงาน นายหวังกล่าวกับนายบลิงเคนว่า การมาเยือนของเขา “เกิดขึ้น ณ ทางแยกสำคัญของความสัมพันธ์จีนสหรัฐ เป็นความจำเป็นที่ต้องเลือกระหว่างการสนทนากับการเผชิญหน้า, ความร่วมมือหรือความขัดแย้งเราต้องย้อนกระแสความสัมพันธ์จีน-สหรัฐที่อยู่ในขาลง, ดันให้กลับสู่เส้นทางที่มั่นคงเชื่อถือได้ และทำงานร่วมกันหาหนทางที่ถูกต้องให้จีนและสหรัฐเดินไปด้วยกัน”
นายหวังเตือนเรื่องไต้หวันด้วย โดยในปีที่ผ่านมาจีนซ้อมรบกระสุนจริงใกล้เกาะไต้หวันสองครั้ง ด้วยความโกรธเคืองที่ ส.ส.ชั้นนำของสหรัฐพบกับผู้นำไต้หวัน
“ในประเด็นนี้จีนไม่มีช่องให้ประนีประนอมหรืออ่อนข้อ” นายหวังกล่าวกับ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ
ด้านนายแมททิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การหารือกับนายหวัง “ตรงไปตรงมาและได้ผล” นายบลิงเคน “เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการแข่งขันอย่างรับผิดชอบระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านช่องทางการสื่อสารแบบเปิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการแข่งขันไม่กลายเป็นความขัดแย้ง”
ทางการสหรัฐกังวลว่า ในอนาคตอันใกล้จีนจะพยายามยึดไต้หวัน และยืนกรานว่าการที่วอชิงตันขายอาวุธให้ไต้หวันเพียงเพื่อต้องการรักษาสถานภาพเดิมเอาไว้เท่านั้น
ทั้งนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจีนกับสหรัฐตึงเครียดกันในหลายประเด็น อาทิ การค้า เทคโนโลยี และไต้หวัน ทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างเรียกรัฐบาลปักกิ่งว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดต่อความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐ
ทางการสหรัฐหวังว่า การเยือนของนายบลิงเคนถ้าไม่ได้มีอะไรใหม่ก็จะทำให้สัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ตอนที่นายสีและนายไบเดนพบกันนอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่มจี20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือน พ.ย.2565 ได้ทวีความหวังว่าสัมพันธ์สองมหาอำนาจจะดีขึ้น ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบเรื่องการมาเยือนปักกิ่งของนายบลิงเคนที่เดิมทีกำหนดไว้ในเดือน ก.พ. แต่เขายกเลิกการเยือนกะทันหันหลังสหรัฐพบและยิงบอลลูนสอดแนมจีนลูกหนึ่งเหนือแผ่นดินสหรัฐ
นายบลิงเคนกล่าวเมื่อวันเสาร์ (17 มิ.ย.) ไม่เชื่อว่าผู้นำจีนรู้เรื่องบอลลูน ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ ที่ไม่ค่อยอยากฟื้นการติดต่อกับสหรัฐ
นายไบเดนนั้นยังคงใช้ไม้แข็งกับจีนแบบเดียวกับนายทรัมป์แถมบางเรื่องยังไปไกลกว่า เช่น ห้ามส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไฮเอนด์มาให้จีน แต่นายไบเดนยังมีความหวังเรื่องความร่วมมือแบบจำกัดในบางสาขา อาทิ โลกร้อน ทั้งยังหวังจะได้พบกันด้วยตนเองกับนายสี ซึ่งโอกาสหน้าน่าจะเป็นเดือน ก.ย. ที่ทั้งสองคนจะไปร่วมประชุมผู้นำจี20 ที่กรุงนิวเดลี และนายสียังได้รับเชิญไปร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่นครซานฟรานซิสโกของสหรัฐในเดือน พ.ย.ด้วย