เมื่อ ‘วัยรุ่นจีน’ ประท้วงด้วยการ ‘นอนเฉยๆ’ ต่อต้านสังคมที่กดดันมากเกินไป
การลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมหรือสิทธิเสรีภาพนั้น มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ล่าสุดคนรุ่นใหม่ในจีนเริ่มออกมา Call Out เพื่อต่อต้านการทำงานหนัก ด้วยการ “นอนเฉยๆ” หรือ “นอนราบ” ?
Key Points:
- “ขบวนการนอนเฉยๆ” การต่อต้านวัฒนธรรมทำงานหนักและสังคมที่กดดันเกินไปรูปแบบใหม่ของหนุ่มสาวชาวจีน
- คนรุ่นใหม่ในจีนมองว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมากเกินไป หากต้องแลกกับการเสียสุขภาพกายและจิตใจ
- จากปัญหาคนรุ่นใหม่เอาแต่นอนเฉยๆ ไม่สนใจจะทำงาน ส่งผลให้ทางการจีนต้องจับตาทิศทางตลาดแรงงานของตัวเองเป็นพิเศษ
ปัญหาการ “ทำงานหนัก” และ “ความกดดันจากการทำงาน” นั้น เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศทั่วโลก และในประเทศใหญ่ที่มีประชากรเยอะอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ ประเทศจีน นั้น ย่อมมีการแข่งขันและแรงกดดันสูงจากสังคมอย่างปฏิเสธไม่ได้
จากปัญหาดังกล่าวทำให้เริ่มมีคนรุ่นใหม่บางกลุ่มหันมาต่อต้านวัฒนธรรมการทำงานที่หนักเกินไป เนื่องจากเริ่มมีความหมดหวังในการทำงานและการใช้ชีวิต และมองว่าการทำงานอย่างหนักในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับค่าแรงที่ได้แลกกับสุขภาพกายสุขภาพจิตที่เสียไปนั้น ไม่ได้คุ้มค่าเอาเสียเลย ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหันมาต่อต้านวัฒนธรรมเหล่านี้ด้วยการ “นอนราบ” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ขบวนการนอนเฉยๆ”
แม้ว่าการประท้วงด้วยการนอนเฉยๆ อาจดูเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขันในสังคมจีน แต่เมื่อคนรุ่นใหม่ต่างพากันมานอนเฉยๆ อยู่บ้าน กันมากขึ้นจนไม่ทำงานทำการ ย่อมส่งผลเสียต่อตลาดแรงงานในประเทศอย่างแน่นอน เนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชนอาจมีแรงงานไม่พอสำหรับการทำงานในประเทศมหาอำนาจอย่างจีน เพราะคนรุ่นใหม่เอาแต่อยู่เฉยๆ ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง
- ทำไมคนรุ่นใหม่ในจีน จึงหลีกหนีความกดดันจากงานด้วยการนอนเฉยๆ ?
สำหรับขบวนการนอนเฉยๆ มีชื่อเรียกตามภาษาจีนว่า “躺平 Tang Ping” (ถ่าง-ผิง) แปลว่า “นอนราบ” หรือ “เอนตัวลงนอน” มีจุดเริ่มต้นมาจากการพูดคุยกันบนเว็บบอร์ดชื่อดังของจีน ซึ่งมีผู้ใช้งานคนหนึ่งมาเล่าถึงประสบการณ์แสนจะสบายโดยการอยู่เฉยๆ ไปวันๆ เนื่องจากตกงานมา 2 ปี และแม้ว่าข้อความนั้นจะถูกลบไปแล้ว แต่ก็ได้ไปจุดประกายให้คนรุ่นใหม่ในจีนเห็นด้วยกับการนอนเฉยๆ จากคำที่ประกาศไว้ก่อนถูกลบว่า การนอนราบคือการเคลื่อนไหวทางสังคมของเขา และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีแนวคิดใดที่สอนให้มนุษย์ยึดตัวเองเป็นหลักมาก่อน ดังนั้นแค่เพียงนอนราบมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องชี้วัดในทุกๆ อย่างได้ และได้ยึดตัวเองเป็นหลัก
หลังจากนั้น “ขบวนการนอนเฉยๆ” ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น และฮิตติดเทรนด์โลกออนไลน์ของจีนอย่างรวดเร็ว โดยวัยรุ่นบางคนเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ขบวนการทางจิตวิญญาณ” มีการตอบสนองและทำตามกันแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ในแพลตฟอร์มโซเชียลชื่อดังของจีนอย่าง “豆瓣 Douban” (โต้ว-ป้าน) ก็มีกลุ่มคนประมาณ 6,000 คน รวมตัวกันตั้งกลุ่มชื่อว่า “Lying Down Group” หรือ กลุ่มนอนราบ และยังมีคู่มือการนอนราบให้สมาชิกได้อ่านทำความเข้าใจกันด้วยว่า ควรเริ่มต้นนอนราบและปล่อยวางอย่างไร ต่อมายังมีการตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาอีกในชื่อ Tang Ping ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 9,000 คน (และถูกทางการจีนลบไปตามระเบียบ)
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนจีนรุ่นใหม่พากันนอนราบแบบไม่คิดจะทำอะไรนั้น ส่วนหนึ่งมาจากความกดดันจากสังคมการทำงาน ที่บังคับให้พวกเขาต้องทุ่มเทกายใจในการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะได้ค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะเป็นเพราะความคาดหวังจากครอบครัว หรือการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา
จนบางคนมองว่ามีชีวิตไม่ต่างจากเครื่องจักร เพราะในแต่ละวันก็มีแค่ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อเดินทางไปทำงาน หลังเลิกงานก็เดินทางกลับบ้าน วนอยู่แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาในทุกวันจนเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้า ทำให้หลายคนเริ่มคิดว่าอยากออกไปใช้ชีวิตหรือพักผ่อนมากกว่านี้ โดยที่ไม่ต้องมีหน้าที่การงานที่มั่นคงก็ได้ ไม่ต้องวางแผนซื้อบ้านซื้อรถหรือแต่งงาน แต่ก็สามารถมีความสุขได้อย่างเป็นอิสระและมีความภูมิใจในตัวเอง โดยที่ไม่ให้การทำงานที่หนักหนาสาหัสเข้ามามีผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจมากเกินไปจนใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุข
เพราะฉะนั้นแม้ว่าจะใช้ชื่อว่าขบวนการนอนเฉยๆ แต่ในทางปฏิบัติแล้วพวกเขาไม่ได้เอาแต่นอนเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการใช้ชีวิตแบบไม่คาดหวังถึงความเจริญก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน รวมไปถึงไม่ได้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของโลกทุนนิยมในจีนมากเกินไป โดยการไม่สนใจจะกระโดดเข้าไปอยู่ในตลาดแรงงานนั่นเอง
- เมื่อมหาอำนาจอย่างจีน ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการที่วัยรุ่นหันมานอนเฉยๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “จีน” คือหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลก ที่มีเศรษฐกิจเจริญเติบโตในระดับสูง มีนักลงทุนและนักธุรกิจชาวจีนอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ทุกอย่างจะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หากปัจจุบันนี้คนรุ่นใหม่เอาแต่นอนเฉยๆ ?
เมื่อมีคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเข้าร่วมขบวนการนอนเฉยๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มมีความกังวลว่าอาจส่งผลเสียต่อตลาดแรงงานและลามไปยังเศรษฐกิจภาพรวมในระดับประเทศ
กลุ่มนักวิชาการจาก Tsinghua University ก็ได้ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจนอนเฉยๆ ของคนรุ่นใหม่นั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ไร้ความรับผิดชอบ ไร้ซึ่งความกตัญญู และทำให้พ่อแม่หรือครอบครัวซึ่งเป็นผู้เสียภาษีให้กับประเทศชาติต้องผิดหวัง
แน่นอนว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ผ่านมา สามารถแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่จากกระแสสังคมที่เกิดปรากฏการณ์การนอนเฉยๆ ขึ้นมา นับเป็นเรื่องใหม่ที่ทางการรับมือได้ยากพอสมควร สังเกตได้จากบางส่วนของความคิดเห็นในกลุ่มนอนเฉยๆ ของวัยรุ่นส่วนใหญ่พวกเขามักเลือกที่จะไม่ทำงานล่วงเวลา (OT) ไม่ให้ความสำคัญกับการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่ง เลือกจะไม่อดทนกับการทำงานหนัก เพราะมองว่าลาออกไปหางานใหม่ง่ายกว่า และยังไม่สนใจจะมีส่วนร่วมทางสังคมจากงานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทอีกด้วย ซึ่งทำให้หลายฝ่ายมองว่าจะส่งผลเสียต่อสังคมและเศรษฐกิจจีนในอนาคตแน่นอน
แม้ว่าปัจจุบัน “ขบวนการนอนเฉยๆ” จะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งผู้เข้าร่วมบางส่วนก็เลือกที่จะแสดงตัวอย่างชัดเจนด้วยการสวมเสื้อยืดที่สกรีนว่า “Do Nothing Lying Flat YOUTH” แต่ก็ยังมีผู้ใหญ่บางฝ่ายมองว่า เป็นแค่เพียงพฤติกรรมชั่วคราวของคนรุ่นใหม่เท่านั้น และต่อไปก็คงทยอยหายไปเองตามกระแสสังคม แต่ก็ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ขบวนการนอนราบสร้างปัญหาต่อสังคมจีนมากขึ้นในอนาคต
อ้างอิงข้อมูล : Business Standard, The Epoch Times และ ไทยรัฐ