‘Oppenheimer’ ฟีเวอร์! ดูดนักท่องเที่ยว แห่ชมจุดทดสอบ ‘นิวเคลียร์ลูกแรกของโลก’
กระแสฟีเวอร์หนัง “Oppenheimer” (ออพเพนไฮเมอร์) ที่เล่าประวัติศาสตร์การคิดค้นระเบิดนิวเคลียร์ ช่วยกระตุ้นความสนใจนักท่องเที่ยว จนอาจมีฝูงชนจากทุกสารทิศแห่เข้าชมพื้นที่ทดสอบนิวเคลียร์ลูกแรกของโลกในรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐ
หลังจากภาพยนตร์ “Oppenheimer” โดยผู้กำกับชื่อดังอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) เปิดตัวฉายทั่วโลก รวมถึงในไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ชม และทำรายได้เปิดตัวไปถึง 82.4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,800 ล้านบาท นับถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Oppenheimer เป็นเรื่องราวชีวประวัติของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มคิดค้นระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลก จนกลายเป็นอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงที่เหล่ามหาอำนาจต่างมีไว้ครอบครองในปัจจุบัน
ด้านกองทัพบกสหรัฐคาดการณ์ว่า กระแสของหนัง Oppenheimer ที่โด่งดังจนกวาดเงินมหาศาลนั้น จะทำให้ “Trinity Site” พื้นที่ทดลองนิวเคลียร์ลูกแรกของโลก มีผู้เข้าชมมากกว่าในช่วงเวลาปกติ
- สภาพพื้นที่บริเวณ Trinity Site ซึ่งปกติเป็นพื้นที่ปิด (เครดิต: AFP) -
สำหรับพื้นที่ Trinity Site ตั้งอยู่ที่ฐานทัพ White Sands Missile Range เมืองแอละโมกอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐ และเมื่อเดือน ก.ค. 2488 สถานที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ทดลองนิวเคลียร์ลูกแรกที่ชื่อว่า “Gadget” ซึ่งเป็นทรงกลมขนาด 6 ฟุต คล้ายผลเกรปฟรุต และใช้ธาตุพลูโทเนียมเป็นส่วนประกอบ ในชื่อโครงการ “Manhattan”
ระเบิดอันร้ายแรงนี้ถูกจุดชนวนภายใต้ชื่อโค้ด “Trinity” ซึ่งชื่อถูกเลือกโดยออปเพนไฮเมอร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจด้านชื่อมาจากจอห์น ดอนน์ (John Donne) นักกวีชาวอังกฤษ
- พื้นที่โล่ง และหอคอยใน Trinity Site ในการทดลองนิวเคลียร์สมัยก่อน (เครดิต: AFP) -
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2488 เวลา 5:29:45 น. ระเบิดอันทรงพลังที่สุดในโลก “Gadget” ก็ถูกจุดทดสอบขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ และหลังจากนั้นไม่เกิน 1 เดือน กองทัพสหรัฐก็ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่พัฒนาต่อจาก Gadget ใส่เมืองฮิโรชิมะ และนางาซากิของญี่ปุ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 คน จนญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สหรัฐ และเป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ในปัจจุบัน แม้พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เปิดไว้สำหรับสาธารณะ แต่กองทัพบกสหรัฐจะเปิดสถานที่นี้ให้ประชาชนสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งรอบที่จะถึงนี้คือ วันที่ 21 ต.ค. 2566
แถลงการณ์กองทัพบกสหรัฐ ระบุว่า “ถ้าคุณไม่ใช่ 1 ใน 5,000 คนแรก คุณอาจจะผ่านประตูทางเข้าไม่ทันก่อนเวลาปิดทำการ 14.00 น. และคาดว่าจะต้องใช้เวลารอเข้าชมนานถึง 2 ชั่วโมง”
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่พลาดชมรอบนี้ กองทัพบกสหรัฐจะเปิดให้เข้าชมอีกรอบ ในวันที่ 6 เม.ย. ปีหน้า
อ้างอิง: cnbc
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์