ราคาหุ้นอูเบอร์ทะยาน 4% หลังบริษัทเผยทำกำไร Q2/66 ได้ครั้งแรก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาหุ้นอูเบอร์เพิ่มขึ้นประมาณ 4% ในการซื้อขายช่วงก่อนเปิดตลาด ขณะที่หุ้นของลิฟต์ (Lyft) คู่แข่งเพิ่มขึ้น 2% นอกจากนี้ อูเบอร์ยังรายงานผลกำไรไตรมาสสองที่ดีเกินคาดอีกด้วย

อูเบอร์ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมต้นทุน เช่น การปลดพนักงาน การลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม และรักษาจำนวนพนักงานให้คงที่ ความพยายามเหล่านี้ทำให้บริษัทสามารถดำเนินตามเป้าหมายในการทำกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้ ขณะเดียวกัน จำนวนการโดยสารผ่านอูเบอร์หลังโควิด-19 ก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

นายดารา คอสโรว์ชาฮี ซีอีโอของอูเบอร์ กล่าวว่า "ดีมานด์ที่แข็งแกร่ง การริเริ่มการเติบโตใหม่ ๆ และวินัยด้านการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไตรมาสนี้ออกมายอดเยี่ยม โดยจำนวนการเดินทางเพิ่มขึ้น 22% และมีกำไรจากการดำเนินงานตามหลักบัญชี GAAP เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอูเบอร์"

กำไรจากการดำเนินงานของอูเบอร์ในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 326 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วขาดทุนอยู่ที่ 713 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ Refinitiv IBES ระบุว่า รายได้ของอูเบอร์ในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 9.23 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 9.33 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากตลาดการขนส่งสินค้าอ่อนแอ

 อูเบอร์คาดการณ์ว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ปรับค่าแล้วในไตรมาสที่สาม จะอยู่ระหว่าง 975 ล้านดอลลาร์ถึง 1.025 พันล้านดอลลาร์ โดย EBITDA ที่ปรับค่าแล้วเป็นมาตรวัดความสามารถในการทำกำไรที่นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า EBITDA ในไตรมาสที่สามจะอยู่ที่ 925.9 ล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน อูเบอร์เผยว่า อัตรากำไร EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วเมื่อเทียบกับมูลค่าการจองขั้นต้น (Gross bookings) คิดเป็นสัดส่วนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 2.7% ในไตรมาสที่สอง

ยอดการจองขั้นต้น หรือมูลค่าดอลลาร์รวมจากบริการของอูเบอร์ คาดว่าในไตรมาสที่สามจะอยู่ระหว่าง 3.4-3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับประมาณการที่ 3.413 หมื่นล้านดอลลาร์

ในไตรมาสที่สอง อูเบอร์ทำกำไรได้ 18 เซนต์ต่อหุ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุน 1 เซนต์ต่อหุ้น

กำไรสุทธิประจำไตรมาสของบริษัทอยู่ที่ 394 ล้านดอลลาร์ กำไรนี้รวมผลประโยชน์ก่อนหักภาษีมูลค่า 386 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง อันเป็นผลมาจากการปรับมูลค่าการลงทุนในตราสารทุนของอูเบอร์