ข้อมูลใหม่ 'ผู้ไร้ที่อยู่' ในแคลิฟอร์เนีย | ไสว บุญมา
ท่ามกลางความร่ำรวย สหรัฐ มีประชากรไร้ที่อยู่กว่า 3.4 แสนคน หรือราว 0.1% ของชาวอเมริกันทั้งประเทศ ในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีประชากรมากที่สุดและมีรายได้สูงที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 49 รัฐ
ผู้ไร้ที่อยู่อาจหาที่หลับนอนตามสวนหย่อม ริมถนน หรือในยานยนต์ซึ่งครอบครองอยู่ก่อนเป็นผู้ไร้ที่อยู่ ข้อมูลบ่งว่าในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐแคลิฟอร์เนียใช้งบประมาณแก้ปัญหาผู้ไร้ที่อยู่ไปเกือบ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่จำนวนผู้ไร้ที่อยู่มิได้ลดลง ตรงข้ามกลับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับจำนวนผู้ไร้ที่อยู่ทั่วประเทศ
สภาวะอันน่าฉงนนี้ทำให้มีการทบทวนกันอย่างจริงจัง รวมทั้งการค้นคว้าหาข้อมูลใหม่ว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่
การวิจัยสรุปว่า ผู้ไร้ที่อยู่ในแคลิฟอร์เนียราว 90% เป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ข้อสรุปนี้แย้งความเห็นซึ่งแพร่กระจายอยู่ทั่วไปที่ว่า พวกเขามักมาจากต่างรัฐ เนื่องจากอากาศในแคลิฟอร์เนียอบอุ่นตลอดปี และรัฐมีสวัสดิการดีกว่ารัฐอื่น
นอกจากนั้น ส่วนใหญ่ไม่ต้องการจะออกไปนอนนอกอาคารด้วยความสมัครใจ แต่ด้วยความจำใจเพราะรายได้ไม่พอสำหรับซื้อ หรือเช่าที่อยู่ ซ้ำร้ายราว 2 ใน 3 ของพวกเขามีปัญหาทางจิต
ข้อสรุปเหล่านี้ชี้บ่งว่า โครงสร้างเศรษฐกิจมีปัญหา เนื่องจากความร่ำรวยไม่สามารถช่วยยกฐานะของคนจำนวนมากให้พ้นจากความยากจนได้
ประเด็นนี้มีมานานในสหรัฐซึ่งใช้แนวคิดเศรษฐกิจกระแสหลัก ควบคู่กับการบริหารประเทศตามระบอบประชาธิปไตย แนวคิดกระแสหลักมีการแข่งขันแบบเข้มข้นเป็นหนึ่งในหัวจักรขับเคลื่อน คนงานที่มีแรงต่อรองต่ำ มีรายได้จำกัดและมักถูกปลดทันทีเมื่อกิจการมีปัญหา
รัฐบาลของรัฐแคลิฟอร์เนียใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหา แต่แก้ได้เพียงจำกัดเนื่องจากมีปัญหาสาหัสทางด้านอื่นเกิดขึ้นด้วย
เช่น รัฐขาดแคลนที่อยู่อาศัยโดยทั่วไปอยู่แล้ว เนื่องจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยไม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สามารถรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นได้มาเป็นเวลานาน
ในปัจจุบัน รัฐบาลประเมินว่าชาวแคลิฟอร์เนียขาดที่อยู่อาศัยถึง 2.5 ล้านหน่วย การขาดแคลนเรื้อรังนี้มีผลทำให้ราคาและค่าเช่าที่อยู่อาศัยสูงมากจนคนมีรายได้ต่ำไม่สามารถซื้อ หรือเช่าได้ จึงต้องออกไปอยู่ตามสถานที่สาธารณะ
การขาดแคลนดังกล่าวเป็นผลเชิงโครงสร้างทางการเมืองและสังคมด้วย ในทางการเมือง หลักการกระจายอำนาจของระบอบประชาธิปไตย ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินด้านการวางผังเมือง กระบวนการนี้จะมีความเร็วช้าอย่างไรในการปรับเปลี่ยนผังเมืองและออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างได้ขึ้นอยู่กับมุมมองของท้องถิ่น ไม่ใช้ความจำเป็นของสังคมโดยรวม
นอกจากนั้น ชุมชนท้องถิ่นโดยทั่วไปมักต่อต้านโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้ต่ำ เนื่องจากวิตกว่าจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ของตนตกต่ำ หรือมันจะนำปัญหาจำพวกอาชญากรรมและยาเสพติดเข้าไปในชุมชน
รัฐเองไม่สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยจำพวกนี้ในพื้นที่ของรัฐได้ เนื่องจากมันมักอยู่ไกลจากแหล่งที่มีงานให้คนไร้ที่อยู่ทำ อกจากนั้น รัฐบาลกลางให้ความช่วยเหลือต่ำมาก เมื่อเทียบกับการช่วยเหลือทางด้านการขาดแคลนอาหารและด้านการดูแลสุขภาพของผู้มีรายได้น้อย
สำหรับด้านปัญหาทางจิตที่สูงมากนั้น นักวิจัยยังไม่สามารถแยกได้ว่ามันเป็นปัจจัยที่ทำให้คนไร้ที่อยู่อาศัยเท่าไร และการไร้ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยทำให้คนมีปัญหาทางจิตเท่าไร ประเด็นนี้จะต้องวิจัยกันต่อไปอีก
นอกจากนั้นยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ปัญหาทางจิตเป็นผลของโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทางการเมืองและทางสังคมหรือไม่ สังคมอเมริกันมีการแข่งขันอย่างเข้มข้นและความคาดหวังสูงมากอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้คนตกอยู่ใต้ความกดดันตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้น ในปัจจุบันการแก้ปัญหาด้านการเป็นโรคจิตยังเป็นแบบแยกส่วนและไม่เพียงพออีกด้วย
การแก้ปัญหาแบบแยกส่วนดังกล่าว สะท้อนลักษณะหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ที่นักการเมืองมักสนใจเฉพาะในภาพลักษณ์และผลระยะสั้นเพื่อใช้เป็นฐานของการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
การเน้นผลระยะสั้นมักขัดกับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งหลายทั้งปวงนี้รวมอยู่ในข้อดีข้อเสียของระบบที่ใช้อยู่ในสหรัฐ