โต้เดือด! 'หวัง อี้' ชี้สหรัฐสร้างความไร้เสถียรภาพมากที่สุดในโลก

โต้เดือด! 'หวัง อี้' ชี้สหรัฐสร้างความไร้เสถียรภาพมากที่สุดในโลก

'หวัง อี้' ชี้สหรัฐสร้างความไร้เสถียรภาพมากที่สุดในโลก หลังประธานาธิบดีสหรัฐระบุ จีนกำลังกลายเป็นระเบิดเวลา ที่เป็นภัยคุกคามต่อทั้งโลก

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวโจมตีสหรัฐระหว่างการเดินทางเยือนสิงคโปร์ในวันนี้ โดยระบุว่าสหรัฐเป็นประเทศที่สร้างความไร้เสถียรภาพมากที่สุดในโลก

"สหรัฐต้องการครองโลกแบบมีขั้วเดียว โดยไม่ต้องการเห็นการพัฒนาของจีนและประเทศอื่นๆในตลาดเกิดใหม่ ในทางกลับกัน การพัฒนาของจีนจะช่วยสร้างผลประโยชน์และโอกาสต่อทุกประเทศ" นายหวังกล่าวต่อนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์

ด้านนายลี เซียน ลุง กล่าวว่า สิงคโปร์ให้การสนับสนุนอาเซียนและจีนในความร่วมมือกันรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค

หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนสิงคโปร์ นายหวังจะเดินทางเยือนมาเลเซียและกัมพูชาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย

คำกล่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศจีน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ แสดงความกังวลว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจและประชากรทำให้จีนกลายเป็นระเบิดเวลาที่เป็นภัยคุกคามต่อทั้งโลก

ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวในเวทีการระดมทุนทางการเมืองซึ่งจัดขึ้นที่เมืองพาร์คซิตี รัฐยูทาห์เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ส.ค.) โดยระบุว่า

“จีนกำลังมีปัญหา เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและจำนวนประชากรในวัยเกษียณแซงหน้าประชากรวัยทำงานอย่างมาก จีนมีอัตราว่างงานสูงที่สุดและกำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจีนกำลังมีปัญหาอย่างมาก และอาจส่งผลกระทบกับทั่วโลก”

การแสดงความเห็นของผู้นำสหรัฐถือเป็นการกล่าวพาดพิงประเทศคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างจีนที่ค่อนข้างรุนแรง

ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนพยายามที่จะเดินสายกลางระหว่างการสกัดกั้นการปฏิบัติทางเศรษฐกิจที่มีเจตนามุ่งร้ายของจีนและความแข็งกร้าวในทะเลจีนใต้ ไปพร้อมกับการสร้างสายสัมพันธ์ทางการทูตกับเหล่าผู้นำจีนและวางรากฐานให้กับความสัมพันธ์ดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดน กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงวอชิงตันว่า สหรัฐไม่ต้องการจะหาเรื่องจีน แต่กำลังเฝ้าจับตากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังกล่าวเหน็บแนมโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road)” ของจีนว่าเป็น “หนี้และบ่วง (Debt and Noose)” เนื่องจากเงื่อนไขที่ประเทศต่าง ๆ ต้องยอมรับเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน

ช่วงต้นปี 2566 เศรษฐกิจจีน ส่งสัญญาณฟื้นตัวแข็งแกร่ง หลังจากยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 แต่ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจจีนกลับเผชิญอุปสรรคนานานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง การส่งออกที่ชะลอตัวลง อัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวที่สูงขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา และสัญญาณล่าสุดคือวิกฤตหนี้สินที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทคันทรี การ์เดน โฮลดิงส์