ญี่ปุ่นเพิ่มงบฯป้องกันประเทศ หนุนบริษัทค้าอาวุธตะวันตกแห่ตั้งสำนักงาน
การเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่นครั้งใหญ่ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่มั่นคงในภูมิภาคเอเชียย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทค้าอาวุธตะวันตกแห่ย้ายสำนักงานใหญ่ประจำเอเชียไปตั้งที่ญี่ปุ่น
สำนักข่าวนิกเคอิเอเชีย รายงานว่า บีเออี ซิสเต็มส์ บริษัทผลิตอาวุธแถวหน้าของอังกฤษ เตรียมย้ายสำนักงานใหญ่ประจำเอเชียจากมาเลเซียไปยังญี่ปุ่นภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ ล็อกฮีด มาร์ติน คอร์ป บริษัทค้าอาวุธจากสหรัฐ เพิ่งเสร็จสิ้นการย้ายสำนักงานใหญ่ประจำเอเชียไปยังญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้
รายงานระบุว่า บีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งจัดตั้งบริษัทสาขาในญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนม.ค. ปี 2565 จะแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนหนึ่งเพื่อให้ประจำการในญี่ปุ่นและดูแลกลยุทธ์ธุรกิจทั่วทั้งทวีปเอเชีย
บีเออี ซิสเต็มส์มีบทบาทสำคัญในโครงการรบทางอากาศโลก (Global Combat Air Program)หรือจีแคป ซึ่งญี่ปุ่น อังกฤษ และอิตาลีร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นใหม่ โดยบีเออี ซิสเต็มส์จะยกระดับความร่วมมือกับบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ ของญี่ปุ่นและบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าว
รายงานระบุด้วยว่า หลังจากย้ายสำนักงานใหญ่ประจำเอเชียมายังญี่ปุ่นแล้ว บีเออี ซิสเต็มส์จะจ้างพนักงานเพิ่มเพื่อเสริมสร้างรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง
นอกจากบีเออี ซิสเต็มส์แล้ว ที่ผ่านมา ล็อกฮีด มาร์ติน คอร์ป ก็ย้ายสำนักงานใหญ่ประจำเอเชียจากสิงคโปร์ไปญี่ปุ่น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น การยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือและไต้หวันที่เสี่ยงเผชิญสงครามเพิ่มมากขึ้น
ล็อกฮีด มาร์ตินมีสายสัมพันธ์สนิทแนบแน่นกับญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมาได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลโตเกียวหลายข้อตกลงด้วยกัน อาทิ การทำข้อตกลงขายระบบป้องกันขีปนาวุธ Patriot Advanced Capability-3 (PAC-3) ซึ่งเป็นระบบปล่อยขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ และเครื่องบินขับไล่สเตลท์ เอฟ-35 เมื่อเข้าไปตั้งฐานการผลิตในญี่ปุ่นแล้ว บริษัทค้าอาวุธของอเมริกันจะควบคุมการดำเนินงานในเกาหลีใต้ ไต้หวัน และในตลาดอื่นๆด้วย
ผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นนำจากตะวันตกกำลังให้ความสนใจญี่ปุ่นอย่างมาก หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นจัดสรรงบประมาณด้านการป้องกันประเทศในปี 2566 ถึงปี 2570 มากถึง 43 ล้านล้านเยน(294,210 ล้านดอลลาร์)เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าจากแผนป้องกันประเทศเมื่อ5ปีก่อนที่เริ่มในปีงบประมาณ 2562
งบป้องกันประเทศก้อนดังกล่าว ครอบคลุมถึงงบฯจำนวน 5 ล้านล้านเยนสำหรับการจัดซื้อขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อตอบโต้ประเทศที่โจมตี และงบฯ 9 ล้านล้านเยนที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ หรือชิ้นส่วนเก่า ตลอดจนงานซ่อมบำรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ยังใช้งานได้ โดยงบฯส่วนนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าจากแผนป้องกันประเทศช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีของนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติงบกลาโหมจำนวน 5.4 ล้านล้านเยน (4.7 หมื่นล้านดอลลาร์) สำหรับปีงบประมาณ 2565 โดยเพิ่มเป็นสถิติสูงเป็นประวัติการณ์เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อรับมือการขยายกำลังทหารของจีน
ร่างงบประมาณดังกล่าวประกอบด้วยค่าใช้จ่ายสำหรับฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.1% จากปีงบประมาณปัจจุบันที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. เนื่องจากญี่ปุ่นยกระดับความสามารถในการป้องกันประเทศ รวมถึงเพื่อรับมือภัยคุกคามจากนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือด้วย
นอกจากนี้ งบกลาโหมที่เพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 10 ติดต่อกันนี้ปัจจัยหลักมาจากการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจัดสรรงบประมาณไว้ที่ 2.911 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้น 7.96 หมื่นล้านเยน หรือ 37.6% จากปีก่อนหน้า
กระทรงกลาโหมญี่ปุ่นมีแผนลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เครื่องบินไร้คนขับแบบใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อบินร่วมทีมไปกับเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่
สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศสต็อกโฮล์ม (เอสไอพีอาร์ไอ)ระบุว่า งบประมาณด้านการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นในปี 2565 ถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ10ของโลกและมีสัดส่วน 2% ของการจัดสรรงบประมาณด้านการทหารของทั่วโลก