รู้จัก ‘ปานปรีย์’ เข็มทิศการต่างประเทศ ยุคสร้างสมดุล ‘ภูมิรัฐศาสตร์’

รู้จัก ‘ปานปรีย์’ เข็มทิศการต่างประเทศ ยุคสร้างสมดุล ‘ภูมิรัฐศาสตร์’

รัฐบาลเศรษฐา ทวีสินได้ “ดร.ตั๊ก - ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ การค้าและต่างประเทศ มาดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ จะมีมุมมองด้านการต่างประเทศอย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์

รัฐบาลเศรษฐา ทวีสินได้ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” หรือ ดร.ตั๊ก อดีตข้าราชการ และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ที่มีบทบาทด้านการบริหารจัดการด้านราชการ การค้า การลงทุน และการต่างประเทศ เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ย้อนไปก่อนการประกาศชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงบัวแก้ว ปานปรีย์เคยให้สัมภาษณ์สื่อในเครือเนชั่นถึงความตั้งใจ หากได้รับมอบหมายสำคัญด้านการต่างประเทศว่า ได้เห็นความสำคัญกับการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) โดยเฉพาะการสานต่อและผลักดันการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป (EU),เอฟทีเอไทย-อังกฤษ และเอฟทีเอไทย-กลุ่มประเทศอาหรับ (GCC) ให้สำเร็จ

ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ปานปรีย์บอกว่า จำเป็นต้อง “รักษาสมดุลย์ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ” อย่างกลมกลืน โดยไม่จำเป็นต้องปรับท่าทีไปจากเดิมแบบสุดขั้ว แต่จะกระชับสัมพันธ์กับทุกฝ่ายและทุกประเทศให้แน่นแฟ้นและหนักแน่นยิ่งขึ้น มองเทรนด์เศรษฐกิจโลก เพื่อกระทรวงการต่างประเทศจะได้นำประโยชน์จากเหล่านี้ มาสร้างความร่วมมือและขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ

มาถึงตอนนี้ ปานปรีย์ย้ำงานที่สำคัญของกระทรวงการต่างประเทศอันดับต้นๆ คือการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศไทยใหม่ โดยตนจะเดินทางร่วมกับคณะนายกรัฐมนตรี เพื่อไปประชุมสหประชาชาติ ที่ประเทศสหรัฐฯ ในระหว่างวันที่ 18-23 ก.ย.นี้

ส่วนปัญหาชายแดน ไทย-เมียนมา ยังคงเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการหลังจากนี้ต่อไป

รู้จัก ‘ปานปรีย์’ ให้ลึกซึ้ง

ปานปรีย์ พหิทธานุกร (ชื่อเล่น : ตั๊ก) เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2500 อายุปัจจุบัน(2566) : 65 ปี

ครอบครัวของปานปรีย์เป็นข้าราชการ มีคุณปู่(พระพหิทธานุกร) เคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศ และเป็นทูตในหลายประเทศ ส่วนคุณพ่อ(ปรีชา พหิทธานุกร) สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่สวิตเซอร์แลนด์ ก่อนกลับมาทำงานในกระทรวงต่างประเทศ

ปานปรีย์ พหิทธานุกร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี - สำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์บัณฑิต ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาระดับปริญญาโท ด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริการะดับปริญญาเอก ด้านการบริหารจัดการภาครัฐ ที่ Claremont Graduate University (CGU) สหรัฐอเมริกา

ปานปรีย์ เล่าว่าในสมัยไปเรียนปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย อเมริกา เขาได้เจออาจารย์เก่งๆหลายคน อย่างวอร์เรน เบนนิส(Warren Bennis) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาวะผู้นำ และการเรียนแบบฝรั่งก็ตรงกับจริตของเขา เพราะเป็นคนไม่ชอบถูกบังคับให้ท่องจำ

สปอร์ตไลท์ฉาย ‘ปานปรีย์’

หลังจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ปานปรีย์ตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางราชการ สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีหลายคน และมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่เป็นสถานที่สูงสุดในการตัดสินใจของประเทศ

“สมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผมเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย เจ้าหน้าที่กองประสานนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อยู่ในห้องครม.ก็วิ่งรับใช้คนนั้นคนนี้ อดีตนายกฯชวน หลีกภัย ท่านบรรหาร ศิลปอาชา ผมก็รับใช้  โชคดีที่เจ้านายเมตตา ให้เราเข้าไปอยู่ในจุดที่สำคัญที่สุดของการบริหารราชการแผ่นดิน ได้เห็นกระบวนการตัดสินใจ” ปานปรีย์ระบุ

ต่อมาในสมัย พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 17 ปานปรีย์ ก็ถูกดึงไปช่วยงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทำให้เขาได้เห็นการบริหารประเทศอีกมุม การแต่งตั้งโยกย้าย การนำเสนอในครม. และกระบวนการแลกเปลี่ยน 

สำหรับพลเอกชาติชาย นอกจากมีฐานะเป็นเจ้านายในการทำงานแล้ว ยังมีศักดิ์เป็นตาของภรรยาของปานปรีย์ (ปวีณา พหิทธานุกร) หรือ คุณกิ๊ก ส่วนลูกสาวคือ นางสาวปัทมรัตน์ พหิทธานุกร(คุณฝ้าย) ปัจจุบันเรียบจบปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบปริญญาโทด้าน Entreprenuership and Innovation Management ที่ประเทศอังกฤษ

ปานปรีย์จึงเป็นทั้งลูกน้องและหลานเขย ของพลเอกชาติชาย

เมื่อพลเอกชาติชายถูกปฏิวัติเมื่อปี 2534 ปานปรีย์ ถูกคณะปฏิวัติควบคุมตัวพร้อมพลเอกชาติชาย พร้อมกับทีมที่ปรึกษากลุ่มบ้านพิษณุโลก ไปไว้ที่สโมสรกองทัพอากาศ

ปานปรีย์ เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้นว่า เขาถามทหารที่จับกุมตัวพวกเขาว่าจะพาไปไหน เขาก็บอกว่าไม่ต้องรู้  แล้วจับขึ้นรถ เลี้ยวไปเลี้ยวมา ไปไหนไม่รู้ สุดท้ายไปที่บ้านรับรอง ท่านนายกฯพลเอกชาติชาย ท่านถามว่า ทำไมนำเขามาที่นี่ เขาเป็นข้าราชการประจำ ไม่เกี่ยวกับการเมือง ทหารบอกว่า ให้ปานปรีย์มาดูแลท่าน ให้ผมนอนห้องเดียวกับท่าน

ในมุมหนึ่ง ท่านเป็นตาของภรรยา แต่ในหน้าที่การงานเป็นเจ้านาย ผมบอกไปว่าไม่ขอนอนกับท่าน แต่ทหารบอกว่าไม่ได้ ผมจึงต้องอยู่ในห้องเดียวกับท่านตลอด 24 ชั่วโมงช่วง 15 วัน ท่านคุยหลายเรื่องให้ผมฟัง เรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องที่ทหาร นักธุรกิจและนักการเมืองต้องการคืออะไร การเมืองแบบนี้มีมาตั้งแต่ปี 2475

เราก็ได้เห็นตัวตนของท่าน ภาพที่เป็นเพลย์บอย สนุกสนาน ไม่ซีเรียส ไม่ใช่เลย ท่านมีสาระที่เข้มข้นและประสบการณ์สูงมาก สูงขนาดที่ว่าปล่อยวางลงได้หมด

เส้นทางการทำงาน

หลังจากพลเอกชาติชายถูกปฏิวัติ ปานปรีย์ก็ตัดสินใจลาออกจากราชการ ไปอยู่ที่อังกฤษกับพลเอกชาติชาย ก่อนกลับประเทศไทยมาทำงานในภาคเอกชน

ในปี 2539 สมัยรัฐบาล พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ปานปรีย์ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ และในปี 2545 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา

ในปี 2546 เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างปี 2546-2548 ได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (ประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศ BIMST-EC) และในปี 2547 ต่อมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม มีบทบาทสำคัญในการวางแผน แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่ออุตสาหกรรมใน Eastern Seaboard จนเป็นผลสำเร็จ

ในปี 2548 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย และได้รับมอบให้ทำหน้าที่ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการค้าภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรี ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า

ในปี 2551 เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อันดับ 1 รับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และเป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรค 

ในปี 2556 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ตำแหน่งการทำงานเด่นๆ ที่ได้รับมอบหมายในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมานอกจากจะเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และยังเป็นอดีตผู้แทนการค้าไทยในยุครัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร รวมถึงเป็นอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ของนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี (หมอเลี้ยบ) และอดีตประธานบอร์ดบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในสมัยรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอีกด้วย 

การทูต นำพาเศรษฐกิจประเทศ

การทำงานของ ปานปรีย์ ที่ผ่านมามีทั้งการทำงานในระบบราชการ แวดวงธุรกิจ และการทำงานกับนักการเมือง ปานปรีย์เผยว่า ตนได้ศึกษาด้านพฤติกรรมมนุษย์มาจากการเรียนปริญญาเอก พร้อมบอกว่า ตนพอจะเข้าใจวิธีคิด และรู้ว่าผู้ที่ร่วมงานด้วยต้องการอะไร ชอบหรือไม่ชอบสิ่งไหน 

อย่างไรก็ตาม ในด้านของนโยบายรัฐบาล ปานปรีย์มองว่าต้องมีนโยบายที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถนำนโยบายไปทำได้จริง ทั้งมุมต่างประเทศและในประเทศ