'แอนโธนี บลิงเคน' เยือนเคียฟวันเดียวกับ'รัสเซีย'ถล่มตลาดในยูเครน
ขีปนาวุธของรัสเซียทำลายตลาดในแคว้นโดเนตสก์ของยูเครนพังยับเยิน มีผู้เสียชีวิต 17 ราย เหตุโจมตีนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายเดือนเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เยือนกรุงเคียฟ และเตรียมประกาศความช่วยเหลือครั้งใหม่
รัฐบาลยูเครน อ้างว่า ขีปนาวุธของรัสเซียถูกยิงตกใส่ตลาดในเมืองคอสเตียนตินิฟกา ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 32 ราย เมืองคอสเตียนตินิฟกาอยู่ใกล้กับแนวรบใกล้เมืองบัคมุต และมักมีทหารประจำการจำนวนมาก
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวด้วยว่า จำนวนผู้เคราะห์ร้ายอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความอหังการของปิศาจ และปิศาจรัสเซียจะต้องพ่ายแพ้ในไม่ช้า
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮัล กล่าวว่า ทหารรัสเซียเป็นผู้ก่อการร้ายที่จะไม่ได้รับการให้อภัย และจะไม่มีวันสุขสงบได้ โดยจะมีการแก้แค้นอย่างสาสมสำหรับทุกสิ่ง
สื่อรายงานว่า ขีปนาวุธที่ตกใส่กลางเมืองน่าจะเป็นขีปนาวุธ เอส-300 ของรัสเซีย และคลิปวิดีโอที่แพร่สะพัดในโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นเปลวเพลิงโหมรุนแรงและกลุ่มควันดำหนาทึบ
เหตุโจมตีเมืองคอสเตียนตินิฟกา เป็นหนึ่งในเหตุนองเลือดที่สุดในรอบหลายเดือน ลำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ (OHCHR) ประเมินว่า นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากสงครามในยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2565 จนถึงวันที่ 27 ส.ค. 2566 มีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 9,500 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 17,200 ราย จำนวนดังกล่าวรวมถึงผู้บาดเจ็บทั้งในดินแดนที่ควบคุมโดยยูเครน และดินแดนที่ควบคุมโดยกองกำลังที่รัสเซียหนุนหลัง
ในวันเดียวกัน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเยือนกรุงเคียฟของยูเครน ที่อยู่ห่างจากคอสเตียนตินิฟการาว 650 กม. ในวันพุธ(6ก.ย.) โดยไม่มีการเปิดเผยกำหนดการล่วงหน้า และได้แยกพบกับ ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศ, นายกรัฐมนตรีชมีฮัล และประธานาธิบดีเซเลนสกี เพื่อหวังทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับความพยายามยึดคืนพื้นที่รอบเมืองบัคมุต หลังจากปฏิบัติการตอบโต้กลับของยูเครนดำเนินมาถึงเดือนที่ 4 นับจากเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมิ.ย.
การเยือนยูเครนของบลิงเคนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 นับจากสงครามเริ่มขึ้นในปีที่แล้ว แต่จะเป็นครั้งแรกที่พักค้างคืนในกรุงเคียฟ และคาดว่า เขาจะประกาศความช่วยเหลือของสหรัฐครั้งใหม่มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน