'ปักกิ่ง'เมืองหลวงต้นแบบยุคใหม่ สะดวก-ทันสมัย ใส่ใจเทคฯสีเขียว
'ปักกิ่ง'เมืองหลวงต้นแบบยุคใหม่ สะดวก-ทันสมัย ใส่ใจเทคฯสีเขียว โดยเมืองสมัยใหม่ควรขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสีเขียว รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และครบครันจากรัฐบาล
หากนึกถึงเมืองสมัยใหม่ หลายคนอาจนึกถึงภาพเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่ออกแบบสไตล์โมเดิร์น มีตึกสูงระฟ้าเรียงเบียดเสียดกันเป็นแถว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนเมืองมากมาย เช่น มีระบบโดยสารสาธารณะที่ทันสมัย อาทิ รถเมล์ไฟฟ้า, รถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน หรือมีร้านสะดวกซื้อหลายจุดที่เข้าถึงง่ายเหมือนในกรุงเทพมหานคร
ทว่าในช่วงเวลาที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตึกระฟ้าและขนส่งสาธารณะอาจไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าเมืองใดคือเมืองที่ทันสมัย แต่เมื่อกรุงเทพธุรกิจมีโอกาสไปเยือนกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีนผ่านงาน ‘Silk Road Rediscovery Tour of Beijing 2023’ จัดโดย CRI online ทำให้ตระหนักได้ว่า เมืองสมัยใหม่ควรขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสีเขียว รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และครบครันจากรัฐบาล
เมืองหลวงส่วนใหญ่มักมีประชากรหนาแน่น และเกิดการจราจรติดขัดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง แต่เมื่อไปเยือนกรุงปักกิ่งครั้งแรก พบว่าการจราจรติดขัดจริงตามคาด แต่ไม่ได้ใช้เวลานานหลายชั่วโมง เหมือนที่คนกรุงเทพฯอย่างเราประสบในทุกวัน
เมื่อพิจารณาจากผังเมืองพบว่า ผังเมืองของกรุงปักกิ่งค่อนข้างเป็นระเบียบ หรือถนนหนทางตัดผ่านกันเป็นบล็อก แม้ต้องเจอสี่แยกขนาดใหญ่หลายจุด แต่การจราจรแต่ละแยกไม่ติดขัดนาน เมื่อเทียบกับการจราจรในกทม. ที่สถานที่ห่างกัน 3-4 ป้ายรถเมล์ บางครั้งใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง
นอกจากผังเมืองเป็นระเบียบแล้ว ถนนในกรุงปักกิ่งยังมีเลนสำหรับรถจักรยานและรถมอเตอร์ไซค์ด้วย จากที่สังเกตถนนหนทางของเมือง พบว่า คนปักกิ่งนิยมใช้จักรยานสาธารณะ (Bike-sharing) จำนวนมาก เมื่อหาข้อมูลย้อนหลังพบว่า การแชร์จักรยานเป็นที่นิยมมากในปักกิ่ง ทำให้จักรยานล้นตลาดในปี 2560 จนต้องกำจัดทิ้งหลายแสนคัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนจีนยังนิยมใช้จักรยานประเภทนี้อยู่ และตามท้องถนนก็มีจักรยานจอดเรียงรอให้บริการอย่างเป็นระเบียบ ทั้งยังใช้งานง่ายเพียงสแกนคิวอาร์โค้ด และเสียค่าบริการราว 5 หยวน (ราคาแตกต่างกันตามบริษัทที่ให้บริการ)
ทั้งนี้ ความนิยมของจักรยานสาธารณะเกิดขึ้น เมื่อรัฐบาลจีนต้องการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ จึงผลักดันให้ใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งผลให้จีนกลายเป็นตลาดยานยนต์อีวีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ยังเป็นยานพาหนะที่คนจีนนิยมไม่แพ้รถจักรยานสาธารณะและรถยนต์อีวี
เมื่อสัมผัสวิถีการเดินทางของคนปักกิ่ง จึงอดคิดไม่ได้ว่า หากกรุงเทพฯ เมืองที่เหล่าทวยเทพสร้าง เพิ่มเลนจักรยานและจักรยานยนต์บนท้องถนนให้มากขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ คนไทยจะนิยมใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากเพียงใด เพราะนอกจากช่วยลดโลกร้อนและลดปริมาณฝุ่นในเมืองแล้ว เลนเฉพาะยังช่วยให้คนขับขี่จักรยานปลอดภัยด้วย
กรุงปักกิ่งไม่ได้มีโครงสร้างพื้นฐานทางถนนที่สะดวกสบายเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและชาวต่างชาติหลายอย่าง อาทิ ศูนย์บริการรัฐบาลปักกิ่ง (Beijing Government Service Center) พร้อมเว็บไซต์อำนวยความสะดวกในการทำธุระต่าง ๆ สำหรับชาวต่างชาติ, บริการสายด่วน 12345 เพื่อแก้ไขปัญหาในเมืองหลวง และศูนย์กิจกรรมชุมชนเพื่อประชาชน
ศูนย์บริการรัฐบาลปักกิ่ง ก่อตั้งเพื่อให้บริการทุกอย่างสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการทำธุระและติดต่อกับหน่วยงานรัฐ เช่น การทำวีซ่าหรือการต่อวีซ่า, ขอเปิดธุรกิจในจีน, ขอสินเชื่อจากธนาคารจีนเพื่อทำธุรกิจ, การจดทะเบียนสมรส, หรือติดต่อเกี่ยวกับการศึกษาในจีน ฯลฯ
เดิมการติดต่อหน่วยงานราชการเพื่อทำธุระ 1 เรื่อง อาจต้องเดินทางไปหลายหน่วยงาน เช่น ถ้าบริษัทต่างชาติมีปัญหาเกิดขึ้น ต้องติดต่อหน่วยงานรัฐมากถึง 9 แห่ง แต่ปัจจุบันชาวต่างชาติสามารถทำเรื่องทุกอย่างจบที่ศูนย์บริการนี้ที่เดียว เพราะให้บริการแบบครบวงจร (one stop service) ชาวต่างชาติสามารถยื่นเรื่องผ่านระบบออนไลน์ก่อนได้ จากนั้นเข้าไปติดต่อในศูนย์บริการ เจ้าหน้าที่จะเตรียมเอกสารและคำแนะนำต่าง ๆ ให้พร้อมสรรพ
หากใครสนใจทำธุรกิจในจีน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการนี้ ทั้งยังมีสินเชื่อจากหลายธนาคารให้เลือก และมีบริการทุกอย่างที่เกี่ยวกับธุรกิจ เช่น การขอยื่นลดหย่อนภาษี ส่วนใหญ่ธุรกิจที่มาขอสินเชื่อเป็นธุรกิจขนาดเล็ก และสามารถขอสินเชื่อได้มากที่สุด 20 ล้านหยวน แต่ธุรกิจสามารถขอสินเชื่อมากกว่านั้นได้ ขึ้นอยู่ดับดุลยพินิจของธนาคารต่าง ๆ
ทั้งนี้ พนักงานที่ให้บริการสามารถพูดภาษาอังกฤษ ชาวต่างชาติไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาหากต้องการติดต่อกับศูนย์บริการดังกล่าว
สำหรับศูนย์กิจกรรมชุมชนที่กรุงเทพธุรกิจได้ไปเยือน ยกให้เป็นสถานที่ที่ทำให้คนทุกวัย มีกิจกรรมในยามว่าง ไม่เหงาหรือโดดเดี่ยว โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กก่อนวัยเรียน ศูนย์แห่งนี้มีห้องสันทนาการมากมาย อาทิ ห้องซ้อมเต้นสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุผู้หญิงที่ชอบออกกำลังกาย และมีห้องสมุดพร้อมคาเฟ่เล็ก ๆ ให้คนทุกวัยมานั่งพักผ่อน
ศูนย์กิจกรรมชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีห้องทำกิจกรรมทั่วไป เช่น ฝึกเขียนภาษาจีนด้วยพู่กันและฝึกตัดกระดาษเป็นรูปต่าง ๆ ซึ่งทั้ง 2 กิจกรรม ล้วนช่วยฝึกสมาธิ และได้รู้จักกับคนในชุมชน ทำให้ตระหนักว่า ในช่วงที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ศูนย์กิจกรรมเช่นนี้ อาจช่วยให้ผู้สูงอายุไม่เหงาอยู่บ้านลำพัง ลูกหลานห่างไกลจากโทรศัพท์ หันหน้าคุยกัน และมีปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคมมากขึ้น
ทั้งนี้ อุปกรณ์และสถานที่ดังกล่าวได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสิ้น หากต้องการเข้าใช้งาน สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดลงทะเบียนได้
พื้นที่นั่งเล่นห้องสมุด ศูนย์กิจกรรมชุมชน
