รอยร้าวใหม่จีน-สหรัฐ ปม‘หัวเว่ย’-‘ชิป 7 นาโนเมตร’
รัฐบาลจีน ออกโรงกล่าวหาว่าสหรัฐได้เจาะเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทหัวเว่ยอย่างต่อเนื่อง และโจมตีทางไซเบอร์เพื่อล้วงข้อมูลสำคัญอื่น ๆ นับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศทวีความร้อนแรง
กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติของจีน โพสต์ข้อความฉบับหนึ่งผ่านทางบัญชีวีแชท วานนี้ (20 ก.ย.) โดยข้อความดังกล่าวมีหัวข้อว่า “เปิดเผยวิธีการจารกรรมทางไซเบอร์และการโจรกรรมที่น่ารังเกียจของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ”
ข้อความดังกล่าวบ่งชี้ถึงความพยายามของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการต่อต้านหัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีแถวหน้าของจีน ขณะเดียวกันยังได้กล่าวหาว่า สหรัฐได้สั่งให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ติดตั้งประตูหลัง (Backdoor) ในซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อที่สหรัฐจะสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากประเทศต่าง ๆ เช่น จีนและรัสเซีย
“ในปี 2552 สำนักงานการปฏิบัติการเข้าถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจงของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ เริ่มแทรกซึมเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ในสำนักงานใหญ่ของหัวเว่ยและออกปฏิบัติการสอดแนม” กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจีนระบุ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชีย รายงานว่า หลังจากความตึงเครียดทวีความร้อนแรง สหรัฐและจีนก็ขยายปฏิบัตการสอดแนมทั่วโลก โดยสำนักข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานในเดือนก.ค.ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีนได้เข้าถึงบัญชีอีเมลของทูตสหรัฐประจำประเทศจีน โดยเชื่อว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอีเมลหลายร้อยฉบับ
การกล่าวหาสหรัฐของจีนเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเว็บไซต์ซีเอ็นบีซี รายงานอ้างนักวิเคราะห์เศรษฐกิจว่า ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่จะเพิ่มขึ้นเมื่อหัวเว่ยได้พัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางการถูกสหรัฐคว่ำบาตรทางเทคโนโลยี
สัปดาห์ที่แล้ว ประธานคณะกรรมการด้านกิจการต่างประเทศ คณะกรรมการด้านพลังงานและพาณิชย์ คณะกรรมการด้านกิจการทหาร และคณะกรรมการด้านจีนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้รวมตัวกันเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ยุติการออกใบอนุญาตให้หัวเว่ย และบริษัท เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง อินเทอร์เนชันแนล คอร์ป (SMIC)ของจีน ทั้งยังต้องการให้สหรัฐเพิ่มแรงกดดัน และมีมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังประเทศฝ่ายตรงข้ามให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้
แต่"จีนา ไรมอนโด" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุเมื่อวันอังคาร(19ก.ย.)ว่า สหรัฐยังไม่เห็นหลักฐานยืนยันว่าหัวเว่ย สามารถผลิตสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปขั้นสูงระดับ 7 นาโนเมตรได้ในปริมาณมากๆ
ท่าทีของรัฐบาลวอชิงตันมีขึ้น หลังจากที่ หัวเว่ย ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีนได้เริ่มวางจำหน่าย Huawei Mate 60 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนบอกว่า เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ เพราะใช้ชิประดับ 7 นาโนเมตรที่ผลิตในจีนเองโดยบริษัทSMIC
ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา สหรัฐเริ่มใช้มาตรการกีดกันหัวเว่ยไม่ให้เข้าถึงเครื่องมือผลิตชิปขั้นสูง โดยอ้างว่าบริษัทจีนแห่งนี้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และอาจเป็นช่องทางให้จีนสอดแนมเครือข่ายโทรคมนาคมของสหรัฐได้ ซึ่งหัวเว่ยเองยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด