รมช.ต่างประเทศคาซัคสถานปลื้มวีซ่าฟรี หวังคนไทยมาชมทุ่งหญ้าสเตปป์บ้าง
รมช. ต่างประเทศคาซัคสถานเผย คนคาซัคชอบเที่ยวไทย เชื่อมั่นโครงการวีซ่าฟรีช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว พร้อมชวนชาวไทยเบื่อมรสุมมาดูภูเขา-ทุ่งหญ้าสเตปป์
นายโรมัน วาสสิเลนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคาซัคสถาน กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจ ณ กรุงอัสตานา เมื่อวันจันทร์ (9 ต.ค.) ถึงการที่รัฐบาลไทยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐคาซัคสถาน ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว และให้อยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน เป็นกรณีพิเศษ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 66 - 28 ก.พ. 67 ว่า ตนไม่เคยมาประเทศไทย แต่ทราบว่าคนคาซัคสถานรู้จักไทยเป็นอย่างดีในฐานะแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม ทั้งภูเก็ตและที่อื่นๆ ที่โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวคาซัค ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากอัลมาตีไปกรุงเทพฯ และภูเก็ต ทำให้ผู้คนนับหมื่นๆ บินไปชื่นชมประเทศงดงามแห่งนี้ โครงการวีซ่าฟรีที่รัฐบาลไทยมอบให้กับคาซัคสถานจะมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคาซัคสู่ประเทศไทย
“ซึ่งเราก็หวังว่าคนไทยจะมาเที่ยวคาซัคสถานด้วย มาดูว่าประเทศเราแตกต่างอย่างมากกับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ถ้าคนไทยเจอมรสุมมาเยอะแล้วก็ให้มาที่นี่ มาชื่นชมภูเขาและทุ่งหญ้าสเตปป์”
เมื่อถามถึงประเทศไทยในมุมมองของชาวคาซัค รมช.วาสสิเลนโกกล่าวว่า เป็นมุมมองบวกอย่างมาก ผู้คนไปเมืองไทยเพื่อไปหาความสุข ชื่นชมวัฒนธรรม อาหาร ท้องทะเล และเนื่องจากโครงการวีซ่าฟรีของไทยเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาและบังคับใช้เป็นเวลาหกเดือนช่วงฤดูท่องเที่ยว ทางคาซัคสถานจะทบทวนการตอบรับของชาวคาซัคอีกครั้งหนึ่ง แต่คาดว่าจะเป็นไปอย่างดีมาก
ส่วนรัฐบาลไทยจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันนั้น รัฐมนตรีกล่าวว่า ขอประเมินความสำเร็จของวีซ่าฟรีก่อน จากนั้นอาจคุยกันเรื่องขยายเที่ยวบิน
ทั้งนี้ นายวาสสิเลนโกกล่าวนอกรอบการแถลงข่าวคาซัคสถานจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเลขาธิการสภาผู้นำศาสนาโลกและศาสนาดั้งเดิม ในวันที่ 11 ต.ค.ณ กรุงอัสตานา เพื่อมีส่วนร่วมแก้ไขความท้าทายในโลกอย่างสร้างสรรค์และเป็นพันธมิตรกับประชาคมโลก ตามที่ประธานาธิบดีคัสซิม โจมาร์ต โตกาเยฟ ประกาศไว้ ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ
คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในเอเชียกลาง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2565 อยู่ที่ 2.25 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็น 61% จีดีพีต่อหัวประชากรสูงสุดในภูมิภาค ปี 2565 อยู่ที่ 11,300 ดอลลาร์ จัดเป็นประเทศรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง