ซีอีโอ "เจพีมอร์แกน" เตือน ช่วงอันตรายที่สุดของโลกในรอบหลายสิบปี

ซีอีโอ "เจพีมอร์แกน" เตือน ช่วงอันตรายที่สุดของโลกในรอบหลายสิบปี

ซีอีโอแบงก์ยักษ์ เจพีมอร์แกน ออกโรงเตือน "นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดของโลกในรอบหลายสิบปี" สงคราม-หนี้สาธารณะ-ขาดดุลการคลัง เสี่ยงทำเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสูงยาว

เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเจพีมอร์แกน เชส กล่าวระหว่างการแถลงผลประกอบการบริษัทว่า "นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดของโลกในรอบหลายสิบปี" โดยนอกจากสงครามทั้งในยูเครนและอิสราเอลแล้ว ก็ยังต้องเผชิญกับหนี้สาธารณะที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และ "การขาดดุลทางการคลังในภาวะปกติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา"
  
ซีอีโอของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า สงครามในยูเครนที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดพลังงานและอาหาร การค้าโลก และความสัมพันธ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

นอกเหนือจากสงครามแล้วก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องหนี้สาธารณะที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการขาดดุลทางการคลังในภาวะปกติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงยิ่งขึ้นว่าจะทำให้ "อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูงต่อไป"
 
 

ซีอีโอของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ กล่าวต่อด้วยว่า ความพยายามของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะลดการถือครองพันธบัตรลง หรือการดูดเงินกลับด้วยมาตรการทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นนั้น จะเป็นการลดสภาพคล่องในระบบในช่วงเวลาที่ศักยภาพของกลไกการดูแลสภาพคล่องถูกจำกัดลงด้วยกฎระเบียบต่างๆ  

ก่อนหน้านี้ไดมอนเคยกล่าวไว้ว่า ได้เตือนลูกค้าหลายคนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยอาจไม่ใช่แค่อยู่ในระดับสูง แต่อาจพุ่งสูงขึ้นไปอีกมากหลังจากนี้ 
 
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส รายงานผลกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 เนื่องจากมีรายได้จากดอกเบี้ยสูงกว่าคาด ขณะที่ต้นทุนในการให้สินเชื่อน้อยกว่าที่คาดไว้ โดยธนาคารมีกำไร 4.33 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.96 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 4.069 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.963 หมื่นล้านดอลลาร์