รู้จัก 'คุณนายวาตานาเบะ' รายย่อยแห่งวงการ 'เทรดค่าเงิน' ญี่ปุ่น

รู้จัก 'คุณนายวาตานาเบะ' รายย่อยแห่งวงการ 'เทรดค่าเงิน' ญี่ปุ่น

ในยุคกลางทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ “คุณนายวาตานาเบะ” (Mrs Watanabe) ตามข่าวเศรษฐกิจกันมาบ้างว่า ตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา หรือตลาดฟอเร็กซ์ (Forex) สำหรับรายย่อยในประเทศญี่ปุ่นนั้น ถูกขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังโดยคุณนายวาตานาเบะ

คุณนายวาตานาเบะที่ว่านี้ไม่ใช่จอร์จ โซรอส เวอร์ชั่นญี่ปุ่น แต่เป็นการสื่อถึง “แม่บ้านญี่ปุ่น” ทั่วๆ ไป ที่ใช้เวลาว่างช่วงกลางวันหลังจากส่งสามีไปทำงานและลูกไปโรงเรียนแล้ว “เทรดค่าเงิน” บนหลักการง่ายๆ ไม่ซับซ้อนว่า ซื้อถูกขายแพง ส่วนที่ชื่อวาตานาเบะนั้น เพราะเป็นชื่อสามัญที่พบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น เหมือนกับคุณสมิธกับคณนายโจนส์ในตะวันตก หรือคุณคิมในเกาหลี

รู้จัก \'คุณนายวาตานาเบะ\' รายย่อยแห่งวงการ \'เทรดค่าเงิน\' ญี่ปุ่น

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป คุณนายวาตานาเบะก็ไม่ได้เป็นคำนิยามที่ถูกจำกัดความแค่แม่บ้านญี่ปุ่นอีกต่อไป แต่หมายถึงนักเทรดฟอเร็กซ์รายย่อยที่ไม่จำกัดเพศและอายุ และปัจจุบันคุณนายวาตานาเบะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนวงการเทรดฟอเร็กซ์รายย่อยของญี่ปุ่นโดยเฉพาะการเทรดแบบรายวันก็คือ เหล่า “มนุษย์เงินเดือนชายวัยกลางคน” (middle-aged salaryman) นั่นเอง

ภาพของมนุษย์เงินเดือนใส่สูทผูกเทคไทที่ยืนไถสมาร์ตโฟนตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโตเกียวนั้น ไม่ได้มีแต่คนที่เล่นเกมโปเกมอนโก แต่ยังเป็นคนที่เทรดฟอเร็กซ์รายย่อยซึ่งเทรดได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์โดยธุรกิจการให้บริการเทรดฟอเร็กซ์สำหรับรายย่อยนั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่น โดยมีโฆษณาอยู่ตามเว็บไซต์ สถานีรถไฟใต้ดิน ย่านการค้า และสถานที่คนพลุกพล่านตามเมืองต่างๆ

ทาคุยะ คันดะ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทโบรกเกอร์ค่าเงิน ไกทาเมะดอตคอม เปิดเผยกับบลูมเบิร์กว่า ปัจจุบันนักเทรดรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เล่นสั้นรายวัน หรือเดย์เทรดนั้น เป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือนชายวัยกลางคนเป็นหลัก ซึ่งมีสไตล์การเทรดแตกต่างจากช่วงวัยอื่นๆ คือ เน้นเชิงรุก ลงทุนเยอะ และเข้า-ออกเร็ว โดยใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนเป็นหลักทำให้เทรดได้บ่อยครั้ง ซึ่งแตกต่างจากคนวัย 60 ปีขึ้นไปที่เทรดผ่านเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์ ในขณะที่กลุ่มคนหนุ่มสาวกลับเป็นกลุ่มที่ระวังเรื่องการเล่นสั้น และหันไปเน้นการลงทุนแบบสม่ำเสมอระยะยาวมากกว่า

รู้จัก \'คุณนายวาตานาเบะ\' รายย่อยแห่งวงการ \'เทรดค่าเงิน\' ญี่ปุ่น

ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้การเทรดของรายย่อยเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่นก็คือ "ต้นทุนการกู้ยืมที่ถูกมากจากนโยบายดอกเบี้ยติดลบ" ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นในปัจจุบันอยู่ที่ -0.01% และเหลือแค่ประเทศเดียวในโลกแล้วที่ใช้ดอกเบี้ยติดลบ จุดนี้เองทำให้เป็นแรงขับให้คนญี่ปุ่นต้องพยายามหันไปหาแหล่งรายได้การลงทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินฝากหรือพันธบัตรในประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องง่ายแม้แต่นักลงทุนมือใหม่ที่จะใช้เงินเยนดอกเบี้ยต่ำไปลงทุนกินส่วนต่างดอกเบี้ยในต่างประเทศที่สูงกว่า หรือแค่เก็งกำไรรายวันจากค่าเงินเยนอ่อนค่า/ดอลลาร์แข็งค่า ก็ทำเงินได้มากพอในแต่ละวันแล้ว

การลงทุนปี 2565 ทะลุ ‘1 หมื่นล้านล้านเยน’ ครั้งแรก

สิ่งที่เปลี่ยนไปจากการเทรดเมื่อหลายปีก่อนก็คือ การลงทุนของรายย่อยกำลังเพิ่มสูงขึ้นมากอย่างน่าจับตาตั้งแต่ในปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้เปิดเผยผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ พบว่า การเทรดของรายย่อยพุ่งทะลุหลัก "1 หมื่นล้านล้านเยน" (10 Quadrillion) ไปแล้วในปี 2565 และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเทรดของญี่ปุ่นที่วอลุ่มพุ่งไปแตะหลักนี้

การแห่ลงทุนของรายย่อยยังมีขึ้นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพราะเพียงแค่ 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 66) ปริมาณการลงทุนได้พุ่งขึ้นแตะ 9 พันล้านล้านเยน ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากข้อมูลของสมาคมตราสารฟิวเจอร์สการเงินแห่งญี่ปุ่น และคาดว่าอาจจะทุบสถิติของปีที่แล้วได้

รู้จัก \'คุณนายวาตานาเบะ\' รายย่อยแห่งวงการ \'เทรดค่าเงิน\' ญี่ปุ่น

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้รายย่อยเข้ามาเทรดฟอเร็กซ์มากขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นเพราะค่าเงินเยนที่อยู่ในทิศทางอ่อนค่าลงหนักเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนยิ่งห่างและนักลงทุนพากันทิ้งค่าเงินเยน จนกระทั่งเงินเยนอ่อนค่าจนหลุดระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเดือน ต.ค. 2565 หรือ่อนค่าสุดในรอบ 32 ปี และภาวะเงินเยนอ่อนค่าหนักก็กำลังกลับมาอีกครั้งในเดือน ต.ค. ปีนี้

ยิ่งเงินเยนอ่อนค่าหนักจนสุ่มเสี่ยงว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจต้องเข้ามาแทรกแซงหรือปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยติดลบเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ ยิ่งเป็นปัจจัยให้รายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มเดย์เทรดที่เล่นสั้นเข้ามาเก็งกำไรกันมากขึ้น และส่งผลให้ค่าเงินเยนยิ่งผันผวนหนักตามไปด้วย

ฮิเดมิ เบชโช รองหัวหน้าฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ แผนกตลาดการเงินของบีโอเจ กล่าวว่า บีโอเจให้ความสำคัญและจับตามองเทรนด์การเทรดฟอเร็กซ์ของนักลงทุนรายย่อยมาระยะหนึ่งแล้ว และเห็นช่วงนี้ยิ่งกำลังเป็นที่น่าจับตา เพราะปริมาณธุรกรรมพุ่งสูงขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากตัวเลขดังกล่าว บีโอเจยังได้อ้างอิงธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) ที่ออกรายงานล่าสุดเมื่อปี 2565 ระบุว่า ธุรกรรมของนักลงทุนรายย่อยในตลาดฟอเร็กซ์ญี่ปุ่นนั้น มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 28% จากสัดส่วนการลงทุนฟอเร็กซ์ของรายย่อยทั่วโลกแล้ว


คนญี่ปุ่นยุคใหม่กล้าได้กล้าเสียในวงการ ‘เดย์เทรด’

ในสมัยก่อน นักลงทุนรายย่อยของญี่ปุ่นอาจทำเงินได้ง่ายๆ จากการทำแครีเทรด (Carry Trade) แต่ปัจจุบันที่ค่าเงินเยนผันผวนมากขึ้นและผันผวนหนักแม้กระทั่งระหว่างวัน ทำให้นักลงทุนรายย่อยจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนแผนหันมาเทรดระยะสั้นกันมากขึ้น และบางรายก็เข้า-ออกสั้นในระดับนาทีและวินาที ราวกับเป็นห้องค้าเลยทีเดียว

รู้จัก \'คุณนายวาตานาเบะ\' รายย่อยแห่งวงการ \'เทรดค่าเงิน\' ญี่ปุ่น

คาซึยะ อินุอิ นักเทรดรายย่อยวัย 47 ปีจากจ.ชิโกกุ กล่าวว่า เริ่มเข้ามาเทรดฟอเร็กซ์ได้ประมาณ 1-2 ปี ในช่วงที่เงินเยนกำลังอ่อนค่าลง และมองว่าโอกาสในการทำกำไรนั้นอาจสั้นแค่เพียง 1 วินาที หรืออาจนานถึง 1 วัน ดังนั้น นักเทรดรายย่อยจึงต้องพร้อมเทรดได้ตลอดเวลาที่เห็นโอกาสในการทำเงิน

แนวคิดนี้สอดคล้องกับ ซาโตชิ ฮิราอิ เจ้าของสตูดิโอเพลงวัย 43 ปี จากจ.กิฟุ เขาเป็นนักเทรดคนหนึ่งที่ลงทุนในสไตล์เข้าออกเร็ว โดยมีคำสั่งซื้อขายมากถึงราว “100 ครั้งต่อวัน” และใช้เงินที่ทำกำไรได้ในแต่ละวันไปซื้อกล้องไลก้าและกีตาร์สำหรับวงดนตรีพังก์ร็อกที่เป็นอาชีพหลัก เขาเคยขาดทุนหนักวันเดียวถึง 1.3 ล้านเยน แต่ก็อ้างว่าสามารถทำกำไรได้สูงสุดถึง 9 ล้านเยนภายใน 24 ชั่วโมงเช่นกัน

“ผมเชื่อว่าในภาวะตลาดแบบนี้ การเทรดระยะสั้นจะเป็นวิธีทำกำไรได้มากที่สุด” ฮิราอิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนที่จะกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้ บลูมเบิร์กระบุว่า ครัวเรือนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับ “การออม” เมื่อเทียบกับการลงทุน โดยมีสัดส่วนการออมเงินฝากและเงินสกุลต่างประเทศอื่นๆ ณ สิ้นเดือน มี.ค. ปีนี้ มากถึง 54% เมื่อเทียบกับครัวเรือนในกลุ่มประเทศยูโรโซนที่ 36% และในสหรัฐที่ 13%

คัตสึโยชิ ซูซูกิ ซีอีโอหนุ่มวัย 36 ปี จากบริษัทการตลาดและการจัดการโซเชียลมีเดีย ไซเบอร์ อิมแพ็ก เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนที่พยายามหาเงินนอกเหนืองานประจำเมื่อมีโอกาส แต่ไม่สุดโต่งเกินไป เขามีแอปพลิเคชันเทรดค่าเงินถึง 4 แอป ภายในสมาร์ตโฟนเครื่องเดียว และหาจังหวะเทรดทุกครั้งที่มีเวลาว่าง โดยมีการเทรดสูงสุด 10 ครั้งต่อวัน

“ผมเทรดเวลาเดินทางไปทำงาน เวลากลับบ้าน และเวลาออกไปสังสรรค์กับเพื่อน” 

“แต่เวลาเทรดก็ยังมีความกังวลอยู่ เช่น ถ้าจะซื้อดอลลาร์-เยน ผมก็จะตามดูข้อมูลข่าวสารและทิศทางในโซเชียลด้วยว่าคนอื่นๆ มองอย่างไร ผมคิดถูกหรือเปล่า ซึ่งก็พอช่วยคลายความกังวลลงได้บ้าง” ซูซูกิ กล่าว