ค่าครองชีพสูงในอังกฤษ ฉุดการใช้จ่ายช่วงคริสต์มาส
เอคเซนเชอร์ (Accenture) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและบริการข้อมูลสารสนเทศ เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดในวันนี้ (6 พ.ย.) โดยระบุว่า ชาวอังกฤษวัยผู้ใหญ่เกือบ 2 ใน 3 วางแผนที่จะลดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีนี้
ผลสำรวจระบุว่า ชาวอังกฤษกำลังมองหาวิธีลดการใช้จ่าย ซึ่งรวมถึงลดการซื้อของขวัญ ลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน และลดการซื้ออาหารและเครื่องดื่มสำหรับบริโภคที่บ้าน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพ
การสำรวจยังพบอีกว่า มากกว่าครึ่งของประชากรผู้ใหญ่ในอังกฤษไม่ได้วางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากส่วนลดในการซื้อสินค้าช่วงวันแบล็กฟรายเดย์ (Black Friday), ไซเบอร์มันเดย์ (Cyber Monday) หรือบ็อกซิงเดย์ (Boxing Day)
ข้อมูลอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ยอดค้าปลีกในอังกฤษลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย. ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่อบอุ่นผิดฤดูกาล ส่งผลให้ยอดขายเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงลดลง
อย่างไรก็ตาม แม้ภาคครัวเรือนในอังกฤษต้องรับมือกับปัญหาค่าครองชีพต่ำสุดในรอบ 2 ปี แต่ภาพรวมของอุปสงค์ผู้บริโภคยังคงปรับตัวในทิศทางที่ดีในปีนี้ โดยเน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของอังกฤษรายงานว่า สภาพอากาศของฤดูใบไม้ร่วงที่กลับมาปกติตั้งแต่ช่วงกลางเดือนต.ค.นั้น ส่งผลให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้น และบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในไตรมาสช่วงเทศกาลคริสต์มาสจะเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ส่วนเทสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ และเซนส์บิวรี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกคู่แข่ง ต่างก็มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับยอดขายในเทศกาลคริสต์มาส
แม้ผลสำรวจของเอคเซนเซอร์จะให้ภาพลบในด้านการจับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปี แต่เมื่อวันที่ 12ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษระบุว่า เศรษฐกิจของอังกฤษพลิกสู่การขยายตัวในเดือนส.ค. เนื่องจากกลุ่มธุรกิจกลับมาดำเนินงานตามปกติหลังเผชิญภาวะติดขัดจากการผละงานประท้วงในเดือนก.ค. และภาคบริการขยายตัวขึ้น
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษ ขยายตัว 0.2% ในเดือนส.ค. สอดคล้องกับที่กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะขยายตัว 0.2% หลังจากหดตัว 0.6% ในเดือนก.ค.
ONS เปิดเผยตัวเลขจีดีพีเดือนส.ค. หลังจากเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 2/2566 ที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจอังกฤษแข็งแกร่งกว่าฝรั่งเศสและเยอรมนีนับตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19 ระบาด
บรรดานักสถิติ ระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวมากกว่าก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ประมาณ 1.8% ขณะที่ฝรั่งเศสขยายตัว 1.7% นับตั้งแต่ปี 2563 และเยอรมนีขยายตัว 0.2%