เปิดภารกิจการทูตมาราธอน ‘แอนโทนี บลิงเคน’

เปิดภารกิจการทูตมาราธอน  ‘แอนโทนี บลิงเคน’

นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. คนที่ทำงานหนักที่สุดคนหนึ่งคือแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ที่ปรึกษาคนสนิทที่สุดคนหนึ่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เขาใช้ “การทูตมาราธอน” เดินทางไปตะวันออกกลางสองครั้ง เพื่อจำกัดขอบเขตสงครามไม่ให้ขยายวงออกไป

เว็บไซต์เอ็นบีซีนิวส์รายงานว่า การเดินทางรอบแรกเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 ต.ค. บลิงเคนไปอิสราเอล จอร์แดน กาตาร์ บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ เพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในแต่ละประเทศ ตอกย้ำเสียงประณามการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในอิสราเอลด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด และย้ำถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของสหรัฐกับรัฐบาลและประชาชนอิสราเอล รวมทั้งหารือกับพันธมิตรในภูมิภาคป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งบานปลาย หาทางปล่อยตัวประกันอย่างปลอดภัยทันที และระบุกลไกสำหรับปกป้องพลเรือน

วันที่ 16 ต.ค. ระหว่างที่บลิงเคนประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีก็ดังขึ้น พวกเขาทั้งหมดจำเป็นต้องหลบเข้าไปอยู่ในบังเกอร์ 5 นาทีก่อนย้ายไปประชุมที่ศูนย์บัญชาการทหารใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง สะท้อนให้เห็นว่าชีวิตเปราะบางแค่ไหนเมื่อต้องอยู่ใกล้แนวหน้า

หลังจากประชุมกันนานถึง 9 ชั่วโมงทั้งทีมอิสราเอลและทีมสหรัฐ บลิงเคนจึงเผยว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเยือนอิสราเอลในวันพุธ (18 ต.ค.) เพื่อแสดงถึง “ความรับผิดชอบอย่างแข็งขัน” ของสหรัฐต่อความมั่นคงของอิสราเอล

ในเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ของภารกิจรอบแรก นักการทูตเบอร์หนึ่งและคนสนิทยาวนานของไบเดนใช้ชีวิตเฉียดสงครามในตะวันออกกลาง เดินทาง 7 ประเทศในเวลา 133 ชั่วโมงเพื่ออธิบายว่าเหตุใดสหรัฐต้องสนับสนุนการตอบโต้ของอิสราเอลพร้อมกับขอให้ชาติอื่นๆ อยู่วงนอก และจำกัดการสูญเสียชีวิตของพลเรือนทั้งสองฝั่งพรมแดนกาซา ระหว่างนั้นเขาคุยกับไบเดนทุกวัน "ตอนขึ้นเครื่องทุกครั้งหรือเมื่อเรากลับมาที่โรงแรม เพื่อการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด“ เดเร็ก โชเลต์ ที่ปรึกษา” เดเร็ก โชเลต์ ที่ปรึกษาเบอร์หนึ่งของบลิงเคนกล่าว 

เช่นเดียวกับลินด์ซีย์ แกรห์ม สมาชิกวุฒิสภารัฐเซาท์แคโรไลนา พรรครีพับลิกัน

"เขาพยายามอย่างหนักในการติดต่อกับโลกอาหรับและพยายามจูงใจพวกเขาว่านี่เป็นช่วงเวลาที่แตกต่างสำหรับอิสราเอล งานของรัฐมนตรีต่างประเทศตอนนี้คือโน้มน้าวตะวันออกกลางและโลกให้รู้ว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นตัวเปลี่ยนเกม วิธีการแบบเดิมตายไปพร้อมกับบรรดาทารกที่ถูกฮามาสฆ่า และเพื่อเตรียมโลกอาหรับสำหรับช่วงเวลายากลำบาก“ แกรห์มกล่าว ที่สำคัญที่สุดคือ ”เขายังพยายามทำให้อิสราเอลทำทุกอย่างที่ทำได้ลดการเสียชีวิตให้น้อยที่สุด"

หน้าที่ของบลิงเคนคือเปิดโอกาสให้อิสราเอลทำลายฮามาสโดยไม่ลากชาติอาหรับหรือพลเมืองอาหรับมาสู่การต่อสู้ ซึ่งนั่นอาจต้องหว่านล้อมอิสราเอลให้ตอบโต้อย่างอดกลั้นกว่าที่ผู้นำวางแผนไว้ พร้อมๆ กับทำให้โลกอาหรับเชื่อว่าอิสราเอลกำลังทำสิ่งนั้นอยู่จริงๆ

การควบคุมเพลิงในกล่องเชื้อไฟเก่าแก่ที่สุดของโลกถือเป็นงานใหญ่สำหรับนักการทูตทุกคนไม่ว่ายุคใดสมัยใด เทียบกับภารกิจตอนที่รัสเซียรุกรานยูเครนและการสังหารหมู่ในซูดาน บลิงเคนได้รับความเชื่อมั่นจากไบเดนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวมากกว่านี้มาก

“ความท้าทายที่เราเจอในตะวันออกกลางและทั่วโลกจำเป็นต้องได้รัฐมนตรีต่างประเทศที่ได้รับความเคารพ คนที่ทุกคนรู้ว่าพูดในนามประธานาธิบดีโดยตรง คนที่ทำประเด็นเหล่านี้มานานหลายปี และเป็นคนที่ทำงานให้สำเร็จได้ ความพยายามทำการทูตมาราธอนของรัฐมนตรีบลิงเคนทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาคือตัวอย่างล่าสุดของคุณค่าอันยิ่งใหญ่ที่เขานำมาให้ประธานาธิบดีไบเดนในนามชาวอเมริกัน”เจฟฟ์ เซียนต์ส หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวระบุ

วันศุกร์ (3 พ.ย.)  รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางมายังตะวันออกกลางเป็นรอบที่ 2 นับตั้งแต่สงครามปะทุ เขาเดินสายพบผู้นำชาติอาหรับเหมือนเดิม ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของอาหรับและประชาคมโลกให้หยุดยิงทันที วิกฤติด้านมนุษยธรรมในกาซาเหลือจะทานทน

ภูมิหลังช่วยงานสำเร็จ

บลิงเคน วัย 61 ปี เริ่มต้นอาชีพในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเขียนสุนทรพจน์นโยบายต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน ต่อมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ตอนที่ไบเดนเป็นประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศวุฒิสภา, ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน, ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยรัฐบาลโอบามา และที่ปรึกษาสูงสุดด้านนโยบายต่างประเทศในการหาเสียงของไบเดนปี 2563 เปิดภารกิจการทูตมาราธอน  ‘แอนโทนี บลิงเคน’

เพื่อนๆ กล่าวว่า ภูมิหลังช่วยให้บลิงเคนทำงานสำเร็จโดยไม่ต้องโหมโรงมาก

“นี่ไม่ใช่คนที่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง หรืออยากได้ชื่อเสียง หรือกังวลว่าต่อไปจะได้ตำแหน่งอะไร เขามีพลังขับเคลื่อน ผมเห็นสิ่งนี้มาหลายปี ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่เข้มข้นและจริงจังในการรักษาชีวิตผู้คนในสถานการณ์เหล่านี้ ยึดมั่นหลักการที่เขาเชื่อว่าเป็นหัวใจของนโยบายต่างประเทศอเมริกัน ที่มักพูดง่ายกว่าทำโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง” ทอม มาลินาวสกี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่เคยทำงานใกล้ชิดกับบลิงเคนสมัยรัฐบาลคลินตัน และยังเป็นเพื่อนกันอยู่กล่าวชื่นชม

บลิงเคนเองเคยพูดอย่างเปิดเผยถึงความรู้สึกรับผิดชอบส่วนตัว ตอนให้ข้อมูลกับวุฒิสภาเพื่อรับรองตำแหน่งในปี 2564 ว่า ตาของเขาหนีการสังหารหมู่ชาวยิวในรัสเซีย พ่อเลี้ยงของเขา “ซามูเอล ปีซาร์” รอดชีวิตหลังจากเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันของนาซีนานสี่ปีทั้งค่ายออชวิตซ์และดักเชา ในการเดินขบวนสู่ความตายช่วงท้ายสงคราม ปีซาร์หนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่า เขาโผล่ออกมาเมื่อเห็นรถถังคันหนึ่งตกแต่งด้วยดาวห้าแฉกแห่งกองทัพสหรัฐ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าทหารอเมริกันแอฟริกันนายหนึ่ง  พูดภาษาอังกฤษเพียงสามคำ “พระเจ้าอวยพรอเมริกา”

ประสบการณ์โฮโลคอสต์ของพ่อเลี้ยงถูกถ่ายทอดสู่บลิงเคน ส่งผลอย่างมากต่อมุมมองของเขา

“นั่นคือสิ่งที่เราเป็น” บลิงเคนสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นกับปีซาร์ต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาที่เขาเคยเป็นประธานมาก่อน

“นั่นคือสิ่งที่เรานำเสนอต่อโลก แต่ยังไม่สมบูรณ์ และเรายังจะทำอย่างดีที่สุด” บลิงเคนย้ำ เปิดภารกิจการทูตมาราธอน  ‘แอนโทนี บลิงเคน’