ชาวจีนงดเที่ยว 'ไทย-ญี่ปุ่น' มองไทยแลนด์แดนแห่งสแกมเมอร์
ผลสำรวจชี้นักท่องเที่ยวจีนมอง 'ญี่ปุ่น-ไทย' ไม่น่าเที่ยวเหมือนเดิม จนหลุดอันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในปีนี้ โดยของไทยเป็นผลกระทบหลักจาก 2 ภาพยนต์ดังในจีนที่มีเนื้อหาอาชญากรรม-สแกมเมอร์
ไชน่า เทรดดิ้ง เดสก์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการตลาดในจีน เปิดเผยผลสำรวจมุมมองการเดินทางของชาวจีนว่า "ไทย" และ "ญี่ปุ่น" เคยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้น ๆ ในใจนักเดินทางชาวจีนเมื่อช่วงต้นปีนี้ แต่ปัจจุบันได้หล่นชั้นลงมาในไตรมาส 3/2566 โดยไทยร่วงลงสู่อันดับ 6 และญี่ปุ่นร่วงลงสู่อันดับ 8
ปัจจุบันทั้งไทยและญี่ปุ่นตามหลังเกาหลีใต้ มาเลเซีย และออสเตรเลียในแง่ของจุดหมายปลายทางในวันหยุดพักร้อนครั้งต่อไปของนักเดินทางชาวจีน โดยสิงคโปร์ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 1 หลังสิงคโปร์ถูกยกเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับนักเดินทางที่สุดประจำปี 2566
มอง 'ไทยแลนด์' เป็นแดนแห่งสแกมเมอร์
รายงานระบุว่าประเทศไทยได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาพยนตร์จีนชื่อดัง 2 เรื่อง คือ "Lost in the Stars" และ "No More Bets" ซึ่งต่างก็เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นและไม่ได้ถ่ายทำในประเทศไทย แต่ชาวจีนบางรายมองว่าเนื้อเรื่องใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงที่ตกเป็นพาดหัวข่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ภาพยนตร์เรื่อง "Lost in the Stars" อิงมาจากกรณีที่หญิงชาวจีนถูกสามีผลักตกหน้าผาในไทยเมื่อปี 2562 แต่ทั้งแม่และลูกในครรภ์รอดชีวิตปาฏิหาริย์
ส่วนเรื่อง "No More Bets" เป็นเรื่องราวของโปรแกรมเมอร์หนุ่มกับนางแบบสาวชาวจีนคู่หนึ่ง ที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกลวงไปทำงานในแก๊งสแกมเมอร์ที่ประเทศหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่ได้ระบุชื่อแต่กลับมีลักษณะคล้ายประเทศไทย
หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเมินว่ามีการหลอกลวงคนนับแสนให้เข้าไปทำงานเกี่ยวกับแก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณพรมแดนนอกประเทศไทย ทั้งในกัมพูชา ลาว และเมียนมา และบ่อยครั้งก็อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากมีการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เหล่านี้น้อยเพื่อความคล่องตัวในการดึงดูดการลงทุน จึงมีทั้งปัญหาสแกมเมอร์ การค้ายาเสพติด ค้าสัตว์ป่า และค้ามนุษย์
ขณะที่เหยื่อของขบวนการเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงจีน ไต้หวัน และละตินอเมริกา
'ญี่ปุ่น' เสียแต้มเพราะปล่อยน้ำเสียที่ฟูกุชิมะ
ซูบรามาเนีย ภัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไชน่า เทรดดิ้ง เดสก์ ระบุว่า การปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเลในเดือน ส.ค. ของญี่ปุ่น ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกต่อการเดินทางเยือนญี่ปุ่นของชาวจีนอย่างมาก
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ไชน่า เทรดดิ้ง เดสก์ได้สำรวจความคิดเห็นพลเมืองจีนกว่า 10,000 ราย โดย 94% มีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยแสดงให้เห็นว่า การกินอาหารดี ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับการเดินทางเยือนต่างประเทศ หรือคิดเป็นสัดส่วน 23% รองลงมาคือประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งอยู่ที่ 22% ธรรมชาติที่ 22% และการชอปปิงที่ 10%
แม้ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานอื่นๆ จะระบุว่าอาหารทะเลของญี่ปุ่นมีความปลอดภัยสามารถรับประทานได้ แต่นักท่องเที่ยวชาวจีนก็ยังคงกังวล และทำให้ญี่ปุ่นซึ่งเคยเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุด กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมน้อยที่สุด