เส้นทางแชมป์กอล์ฟ “โปรโม-โปรเม” กับรางวัลการทูตสาธารณะ 2566
กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับมูลนิธิไทยเป็นเจ้าภาพจัดพิธีมอบรางวัลการทูตสาธารณะประจำปี 2566 (Thailand’s Public Diplomacy Award 2023) ให้กับ “โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล และ "โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล สองนักกอล์ฟสาวชาวไทย ดีกรีแชมป์โลก
เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) โดยมีจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น ขณะที่จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการมูลนิธิไทย เป็นผู้มอบรางวัล
หลังโปรโมและโปรเมได้รับถ้วยรางวัลการทูตสาธารณะอย่างเป็นทางการ ทั้งสองได้เผยถึงความรู้สึกและเล่าประสบการณ์ชีวิตในเส้นทางนักกีฬากอล์ฟ โดยโปรเม เผยว่า ทั้งสองเริ่มต้นเล่นกอล์ฟตามพ่อแม่
ทุก ๆ เช้า ทั้งคู่จะไปวิ่งก่อนเข้าเรียน ต้องทานข้าวและเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถ และเลิกเรียนเร็วกว่าคนอื่น หลังเลิกเรียนในช่วงบ่ายจะไปซ้อมกอล์ฟ จากนั้นช่วงเย็นจะว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย โดยฝึกกับทีมซ้อมนักกีฬาว่ายน้ำ และต้องว่ายน้ำเป็นระยะราว 1,000 เมตรต่อวัน เมื่อถึงสามทุ่มจึงกลับบ้าน ซึ่งกิจวัตรการฝึกซ้อมเป็นแบบนี้ทุกวัน
พี่น้องนักกอล์ฟไม่มีวันพิเศษ ไม่มีการจัดงานวันเกิด และโมเผยว่าตนไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มีวันพิเศษ เนื่องจากมีน้องสาวเป็นบัดดี้ร่วมฝึกซ้อมด้วยกันทุกวันก็มีความสุขแล้ว
เมื่อทั้งสองคนเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ มักเกิดการเปรียบเทียบระหว่างโมและเม โดยโมมักถูกถามว่าเมื่อใดจะได้เป็นแชมป์แบบน้องสาว จึงทำให้โมสงสัยในตนเองว่า ตนมาถูกทาง หรือจะประสบความสำเร็จหรือไม่
ในที่สุด เมื่อโมได้แชมป์แอลพีจีเอครั้งแรก ตนก็รู้ว่าความเพอร์เฟกชั่นนิสต์ของตนเอง เป็นจุดแข็งที่ทำให้ประสบความสำเร็จ และทำให้รู้ว่าแต่ละคนมีเป้าหมายไม่เหมือนกัน เราจึงมีความสำเร็จที่แตกต่างกันไป
โม กล่าวว่า ตนเล่นกอล์ฟไม่คาดคิดว่าจะได้รับรางวัลนี้ เนื่องจากตนแค่มุ่งมั่นตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ได้ดีที่สุด และกล่าวขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทย พร้อมให้คำมั่นว่าจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป
ด้านเมเผยว่า คนอื่นอาจมองว่าชีวิตการฝึกซ้อมของทั้งคู่ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่สำหรับเธอ การซ้อมคือเรื่องปกติในชีวิต แม้หลายคนอาจเห็นเพียงความสำเร็จของทั้งสอง แต่ในช่วงเวลาของชีวิตเมบอกว่า ตนได้พบแต่ความผิดหวังเช่นกัน
ช่วงปีแรกที่เริ่มเล่นมืออาชีพ เมเกือบได้แชมป์หลายรายการ แต่แล้วเกิดอุบัติเหตุในสนามกอล์ฟ ล้มและไหล่หลุด ทำให้เมต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักการเล่นกอล์ฟไป 1 ปี
ช่วงเวลาดังกล่าวเมท้อ และได้แต่ถามตนเองว่าจะสามารถกลับไปเล่นกอล์ฟได้เหมือนเดิมหรือไม่ จะยังเล่นได้ดีหรือไม่ เพราะกอล์ฟเป็นเป้าหมายในชีวิต และเป็นอาชีพที่คิดว่าจะเลี้ยงพ่อแม่ได้
เมื่อเมกลับไปเล่นกอล์ฟอีกครั้งสิ่งที่เคยทำได้ก็กลายเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ สิ่งที่ง่ายกลายเป็นยาก และทำให้ตนไม่แน่ใจว่าจะไปต่อทางใด
อย่างไรก็ดี เมื่อนึกถึงวันที่พ่อแม่ดูแลตน พ่อแม่ต้องยืมเงินคนอื่นเพื่อส่งให้ทั้งสองตีกอล์ฟ และหลายคนตั้งคำถามกับพ่อแม่ว่าเชื่อมั่นว่าลูกตนเองจะประสบความสำเร็จจริงหรือ เมจึงได้รับรู้ว่าพ่อแม่มุ่งมั่นส่งเสียให้ตนเองประสบความสำเร็จให้ได้ จึงตั้งมั่นว่าจะไม่หยุดทำ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของตนเอง จากนั้นเมก็ได้แชมป์แรก และได้แชมป์เรื่อย ๆ จนกลายเป็นมือสองของโลก และครองตำแหน่งนั้นนานหลายปี
จากนั้นเมตั้งเป้าเป็นที่หนึ่งของโลก เพราะอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ให้ทุกคนรู้ว่า ไม่ว่าอยากจะเป็น หรืออยากจะทำอะไร ย่อมทำได้ และเมเชื่อว่า การเป็นมือหนึ่งของโลก จะทำให้คำพูดของตนมีความหมายมากขึ้น และมีคนฟังในสิ่งที่ต้องการพูดมากขึ้น เมื่อตั้งเป้าหมายไว้ เมก็ฝึกซ้อมเพิ่มขึ้น และในที่สุดเธอก็ได้กลายเป็นมือหนึ่งของโลก
เมได้กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายทิ้งท้าย และให้คำมั่นว่า“จะตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด สุดความสามารถที่มี สุดความพยายามที่มี เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป”