ยูเอ็นลงมติท่วมท้น 153 เสียง กดดันให้หยุดยิงในกาซา 'ทันที'
ที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นลงมติเสียงส่วนใหญ่ 153 เสียง กดดันให้อิสราเอล-ฮามาส หยุดยิงในพื้นที่ฉนวนกาซาทันที หลังจากกลไก UNSC ก่อนหน้านี้ล้มเหลวเพราะสหรัฐใช้สิทธิวีโต้
ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) มีการลงมติในวันที่ 13 ธ.ค. โดยเสียงส่วนใหญ่ 153 เสียง เรียกร้องให้อิสราเอล-ฮามาส ต้องหยุดยิงในพื้นที่ฉนวนกาซาทันทีเนื่องจากเหตุผลด้านมนุษยธรรม ที่การสู้รบทำให้ไม่สามารถขนส่งสิ่งของจำเป็นทั้งอาหาร น้ำ และยาเข้าไปในพื้นที่ได้ และกำลังเป็นวิกฤตการด้านมนุษยธรรมสำหรับชาวปาเลสไตน์นับล้านในกาซา
"การทำสงครามเพื่อเอาชนะกลุ่มฮามาสไม่ควรต้องแลกมาด้วยความทุกข์ทรมานของพลเรือนชาวปาเลสไตน์" แถลงการณ์แยกของกลุ่มประเทศที่ลงมติสนับสนุนการหยุดยิง นำโดยแคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ระบุ
ในการลงมติครั้งนี้ซึ่งมีเสียงโหวตสนับสนุนท่วมท้น 153 เสียงนั้น มีประเทศที่งดออกเสียง 23 ราย และลงมติคัดค้าน 10 ราย โดยในจำนวนนี้รวมถึงอิสราเอลและสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) 5 ชาติซึ่งประกอบด้วย สหรัฐ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส จีน และรัสเซีย ไม่สามารถลงมติกดดันให้มีการหยุดยิงในกาซาได้ เนื่องจากสหรัฐใช้สิทธิวีโต้
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐได้กล่าวถึงอิสราเอลก่อนหน้านี้จะมีการลงมติในยูเอ็นว่า อิสราเอลได้รับเสียงสนับสนุนจากประเทศส่วนใหญ่ในโลกซึ่งรวมถึงสหรัฐและสหภาพยุโรป ในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธฮามาส ทว่าอิสราเอลกำลังเสียการสนับสนุนลงไปเรื่อยๆ จากการทิ้งระเบิดในกาซาแบบไม่เลือกเป้าหมาย
ไบเดนยังกล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลจำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลสายชาตินิยมแข็งกร้าว และอิสราเอลไม่สามารถปฏิเสธการมีอยู่ของรัฐปาเลสไตน์ได้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่สายชาตินิยมแข็งกร้าวในอิสราเอลปฏิเสธมาตลอดก็ตาม