หุ้น 'เทสลา' ร่วงต่อเนื่อง หลังเรียกคืนรถยนต์กว่า 2 ล้านคัน
ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) หลังบริษัทประกาศเรียกคืนรถยนต์ในสหรัฐจำนวนกว่า 2 ล้านคัน
เมื่อเวลา 23.57 น.ตามเวลาไทย ของวันพุธ ราคาหุ้นเทสลา ดิ่งลง 3.03% สู่ระดับ 229.82 ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดวันพุธที่ 239.29 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 0.96%
สำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) เปิดเผยว่า เทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์ทุกรุ่นที่มีการจำหน่ายในสหรัฐจำนวนกว่า 2 ล้านคัน เนื่องจากพบความบกพร่องในระบบ Autopilot
ทั้งนี้ เทสลา ประกาศเรียกคืนรถยนต์ models Y, S, 3 และ X ซึ่งมีการผลิตระหว่างวันที่ 5 ต.ค.2555 ถึงวันที่ 7 ธ.ค.2566 เพื่อปรับปรุงระบบซอฟท์แวร์ในรถยนต์ ซึ่งจะเพิ่มระบบควบคุมและแจ้งเตือนผู้ขับขี่เพื่อให้มีการขับรถยนต์ด้วยความรับผิดชอบ
การเรียกคืนดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ NHTSA ได้ทำการสอบสวนเป็นเวลานาน 2 ปีต่อกรณีการเกิดอุบัติเหตุขณะที่ผู้ขับขี่รถยนต์เทสลาเปิดระบบ Autopilot ซึ่งทำให้รถยนต์เข้าสู่โหมดขับขี่อัตโนมัติ โดยบางกรณีทำให้มีผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ NHTSA ได้ทำการสอบสวนอุบัติเหตุของรถยนต์เทสลาจำนวน 35 ครั้งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2559 โดยคาดว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่มีการเปิดระบบ Autopilot และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย
NHTSA ระบุว่า ผลการสอบสวนพบว่า ระบบ Autopilot มีความบกพร่องในการตรวจจับการมีสมาธิในการขับรถของผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับบางรายมีการใช้ระบบดังกล่าวในทางที่ผิด ซึ่งในการทดสอบพบว่า ระบบ Autopilot ไม่มีการแจ้งเตือน แม้ว่าคนขับอยู่ในอาการเมาสุรา หรือนั่งในเบาะหลังของรถยนต์
ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญได้เรียกร้องให้มีการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นสำหรับระบบตรวจจับสมาธิคนขับของ Autopilot ซึ่งปัจจุบันตรวจจับแต่เพียงว่ามือของคนขับอยู่บนพวงมาลัยหรือไม่ โดยผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีการติดตั้งกล้องเพื่อสร้างความมั่นใจว่าคนขับมีสมาธิในการขับขี่รถยนต์ แม้อยู่ในโหมด Autopilot
นายพีท บุตดิเจช รัฐมนตรีคมนาคมสหรัฐ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เทสลาไม่ควรใช้ชื่อระบบ Autopilot เนื่องจากระบบดังกล่าวไม่สามารถขับรถยนต์ด้วยตัวมันเอง