'นายกฯ มาเลเซีย' ผลักดันใช้ 'ริงกิต' ทำการค้า หวังลดพึ่งพา 'ดอลลาร์'
สื่อญี่ปุ่นเผย ผู้นำมาเลเซียมีแผนที่จะเพิ่มการใช้สกุลเงิน "ริงกิต" ทำธุรกรรมทางการค้าแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หลังเงิน "ดอลลาร์สหรัฐ" แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ ของเอเชีย
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานในวันนี้ (18 ธ.ค.) ว่า ปีนี้ เงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่าลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปีในช่วงปลายเดือน ต.ค. เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทำการค้าด้วยการใช้เงินดอลลาร์เป็นหลัก ดังนั้น สกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละประเทศที่อ่อนค่าลงจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าของประเทศนั้น ๆ เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มภาระให้กับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์ด้วย
ในการให้สัมภาษณ์กับนิกเกอิ เอเชียที่กรุงโตเกียว เมื่อวันอาทิตย์ (17 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย ระบุว่า เงินริงกิตมาเลเซียยังคงอ่อนค่าลงแบบต่อเนื่อง แม้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในมาเลเซียกระเตื้องขึ้นแล้วก็ตาม
"เศรษฐกิจเติบโตดี อัตราว่างงานต่ำ เงินเฟ้อต่ำ และการลงทุนเริ่มเข้ามาแล้ว แล้วเงินริงกิตอ่อนค่าได้อย่างไร เรื่องนี้สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่ไม่มีใครอธิบายได้ ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุก็มาจากเฟด" ผู้นำมาเลเซียกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกฯอันวาร์ยอมรับว่า เงินดอลลาร์ยังมีความสำคัญและมาเลเซียไม่ได้คิดจะเลิกใช้ดอลลาร์โดยสิ้นเชิง
"ผมไม่ได้คิดจะให้มาเลเซียเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐ เพราะยังคงมีความสำคัญในฐานะตัวกลางการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แต่เราต้องการลดการพึ่งพาดอลลาร์แบบค่อยเป็นค่อยไป"
รายงานระบุว่า มาเลเซียได้ส่งเสริมการใช้เงินริงกิตกับคู่ค้าระดับภูมิภาคบางราย โดยธนาคารกลางมาเลเซียระบุว่า 19.7% ของการทำการค้ากับไทยใช้สกุลเงินท้องถิ่นนับถึงสิ้นเดือน ก.ย. รวมถึง 17% สำหรับอินโดนีเซียและ 23.3% สำหรับจีน
อ้างอิง: Nikkei