สหรัฐตั้งกองกำลังใหม่ในทะเลแดง รับมือการโจมตีของกลุ่มกบฎฮูตี
เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ว่าได้ขยายกองกำลังนานาชาติทางทะเลในทะเลแดง เพื่อป้องกันการโจมตีที่เพิ่มขึ้นโดยกลุ่มกบฏฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โดยการโจมตีเหล่านี้ได้สร้างปัญหาแก่เส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศ
"การโจมตีโดยกลุ่มกบฏฮูตีจากเยเมนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นภัยคุกคามต่อการไหลเวียนของการค้าอย่างเสรี ทำให้กะลาสีเรือผู้บริสุทธิ์ตกอยู่ในอันตราย และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ" พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศ
โครงการกลาโหมใหม่มีชื่อว่า "ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง" (Operation Prosperity Guardian) ซึ่งต่อยอดจากกองกำลังทางทะเลร่วม (CMF) ซึ่งเป็นแนวร่วมระหว่างประเทศที่มีสมาชิก 39 ประเทศ โดยกองกำลังทางทะเลร่วมดำเนินงานภายใต้กองเรือที่ห้าของกองทัพเรือสหรัฐในบาห์เรน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการปกป้องการเข้าถึงและเสถียรภาพทางทะเล
นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติกล่าวว่า ในโครงการริเริ่มนี้ มีกองกำลังเฉพาะที่เรียกว่า Task Force 153 ซึ่งปฏิบัติการในทะเลแดง "สิ่งที่เรากำลังพยายามทำคือเสริมความแข็งแกร่งและปรับปรุงกองกำลังนี้ และนำไปปฏิบัติการในรูปแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ก่อนหน้าการโจมตีของกลุ่มฮูตี"
การตัดสินใจเพิ่มกำลังทางทะเลในทะเลแดงมีสาเหตุมาจากการที่บริษัทต่าง ๆ จำนวนมากต้องหยุดปฏิบัติการขนส่งทางเรือตามเส้นทางคลองสุเอซมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากภัยคุกคามจากกลุ่มฮูตีที่เพิ่มสูงขึ้น
เมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค.) บีพี (BP) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ได้ประกาศระงับกิจกรรมการขนส่งในทะเลแดงเป็นการชั่วคราว เช่นเดียวกันกับบริษัทอื่น ๆ เช่น เมอส์ก (Maersk) บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ของเดนมาร์ก และเอ็มเอสซี (MSC) บริษัทขนส่งทางทะเลของอิตาลี และบริษัทอื่น ๆ