ไบเดน ผ่านงบกลาโหมทุบสถิติ 30.7 ล้านล้าน แต่เจียดช่วยยูเครน 300 ล้านดอลลาร์
"ไบเดน" ลงนามบังคับใช้กฎหมายงบประมาณกองทัพ-ช่วยเหลือประเทศพันธมิตร กับงบครั้งใหญ่ที่สุดเกือบ 9 แสนล้านดอลลาร์ แต่แบ่งช่วยยูเครนเพียง 300 ล้านหลังรีพับลิกันตั้งคำถามหนักถึงความเหมาะสม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามบังคับใช้กฎหมายนโยบายกลาโหมของสหรัฐในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) เพื่ออนุมัติการใช้จ่ายด้านการทหารประจำปีและนโยบายต่าง ๆ เช่น การช่วยเหลือยูเครน และการรับมือกับจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และยังรวมถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงแห่งชาติทั้งหมดประมาณ 3% เป็น 8.86 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 30.7 ล้านล้านบาท) หรือสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันประเทศ (National Defense Authorization Act หรือ NDAA) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยวุฒิสภาซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากได้อนุมัติกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 87 ต่อ 13 เสียง และสภาผู้แทนฯ อนุมัติกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 310 ต่อ 118 เสียง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ร่างกฎหมายสำคัญที่สภาคองเกรสอนุมัติทุกปีนั้น ครอบคลุมทุกด้านตั้งแต่การขึ้นเงินเดือนทหาร การซื้อเรือและเครื่องบิน ไปจนถึงนโยบายต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนพันธมิตรต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวซึ่งมีความยาวเกือบ 3,100 หน้า เรียกร้องให้มีการขึ้นเงินเดือน 5.2% ให้กับทหาร และเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงแห่งชาติทั้งหมดประมาณ 3% เป็น 8.86 แสนล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม สำหรับงบประมาณช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่งจะเป็นงบที่ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 นั้นได้รับงบเพียง 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับที่ไบเดนเคยร้องขอสภาคองเกรสไปที่ 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากถูกพรรครีพับลิกันคัดค้านอย่างหนักถึงความเหมาะสมในการใช้ภาษีไปกับการช่วยยูเครน และฝ่ายค้านยังขอให้เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดผู้อพยพตามแนวชายแดนกับเม็กซิโกให้มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังระบุรายชื่อบริษัทแบตเตอรี่ของจีนบางแห่ง ซึ่งไม่มีสิทธิ์ได้รับการจัดซื้อจัดจ้างจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ