รัสเซียยิงถล่มยูเครนรอบใหม่ดับ 11 ศพ พบหลักฐานเป็นมิสไซล์ 'เกาหลีเหนือ'
รัสเซียยิงถล่มเมืองในโดเนสก์รอบล่าสุด มีผู้เสียชีวิต 11 คน ขณะที่ยูเครนพบหลักฐานใหม่บ่งชี้ ขีปนาวุธที่รัสเซียใช้โจมตีอาจมาจากเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ฝ่ายรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธรอบใหม่เข้าถล่มเมืองโปครอฟสก์ ในแคว้นโดเนสก์ ทางตะวันออกของประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 10 คน
วาดิม ฟิลาชคิน ผู้ว่าการแคว้นโดเนสก์ เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ในยูเครนว่า กองกำลังรัสเซียได้เข้าโจมตีรอบใหม่เมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่มวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นการระดมยิงขีปนาวุธ S-300 เจ้ามาหลายลูก จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 11 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่ 3 ขวบ ถึง 17 ปี จำนวน 5 คน
ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี ได้แถลงผ่านทางวิดีโอว่า การโจมตีครั้งนี้มุ่งเป้าโจมตีไปที่พลเรือนและบ้านเรือนของผู้คน และรัสเซียควรรู้สึกรู้สาถึงผลที่ตามมาของการโจมตีเหล่านี้ด้วย
ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทางการแคว้นคาร์คีฟในยูเครน ได้เปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติมที่อ้างว่า ขีปนาวุธที่รัสเซียยิงโจมตีเข้าในสัปดาห์นี้ เป็นขีปนาวุธที่มาจากประเทศเกาหลีเหนือ และนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อ 2 ปีก่อน ที่พบว่ามีการใช้อาวุธจากเกาหลีเหนือร่วมด้วย
ดมิโทร ชูเบนโก โฆษกของสำนักงานอัยการแคว้นคาร์คีฟ กล่าวว่า ขีปนาวุธลูกหนึ่งที่พบจากการยิงถล่มยูเครนเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา มีความแตกต่างออกไปจากขีปนาวุธปกติของรัสเซีย ทั้งในแง่ของเทคนิคและรูปร่างหน้า โดยเป็นขีปนาวุธรุ่นเก่า และแตกต่างออกไปจากขีปนาวุธอิสกันเดอร์ตามปกติของรัสเซียที่พบในการถล่มคาร์คีฟ และเมื่อพิจารณาดูแล้วพบว่ามีความใกล้เคียงกับหนึ่งในขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ