ยอดขายรถอีวีทั่วโลก 2566 โต 31% ปีนี้จ่อชะลอตัวลงต่อเนื่อง
บริษัทวิจัยตลาดเผยยอดขายรถยนต์อีวีทั่วโลกเติบโต 31% ในปี 2566 แต่เป็นอัตราเติบโตที่ลดลง 'ครึ่งหนึ่ง' เมื่อเทียบปีก่อนหน้า ส่วนปี 2567 นี้คาดยังชะลอตัวต่อเนื่องอีกปี
บริษัทวิจัยทางการตลาดโร โมชัน (Rho Motion) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกเติบโตขึ้น 31% ในปี 2566 โดยยอดขายของ BEV คิดเป็นสัดส่วน 9.5 ล้านคัน จากรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 13.6 ล้านคันที่สามารถจำหน่ายได้ทั่วโลก ส่วน PHEV ครองยอดขายส่วนที่เหลือ
โร โมชัน ระบุว่า ยอดขายเฉพาะในเดือน ธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบรายเดือนที่ 1.5 ล้านคัน โดยยอดขายรถ BEV พุ่งขึ้น 50% ในสหรัฐและแคนาดา และขยายตัวขึ้น 27% ในยุโรป และ 15% ในจีน
อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตของยอดขายรวมในปี 2566 ถือว่าชะลอตัวถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ยอดขายพุ่งทะยานถึง 60%
ชาร์ลส์ เลสเตอร์ ผู้จัดการฝ่ายข้อมูลของโร โมชัน กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า "อัตราการเติบโตกำลังชะลอตัวลง แต่นั่นก็เป็นสิ่งอยู่ในการคาดการณ์สำหรับตลาดที่กำลังเติบโตขึ้นเช่นนี้" โดยยอดขายไม่อาจปรับตัวขึ้นเป็นเท่าตัวได้ทุกปี นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วส่วนใหญ่สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตที่ 30% ที่โร โมชัน คาดการณ์ไว้
ส่วนคาดการณ์ยอดขายในปี 2567 นั้น ทางบริษัทคาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเติบโตขึ้นระหว่าง 25-30% หรือใกล้เคียงกับในปีที่แล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์บางรายมีความวิตกกังวลว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปและที่อื่น ๆ อาจชะลอตัวลง เพราะคนรอซื้อรถไฟฟ้ารุ่นที่ดีกว่า เล็กกว่า และถูกกว่า ที่อาจจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี
นอกจากนี้ เลสเตอร์กล่าวว่า ยอดขายในยุโรปในปี 2567 อาจได้รับผลกระทบจากการที่เยอรมนีตัดสินใจลดการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างกะทันหันด้วย