‘ไต้หวัน’ เลือกตั้ง จุดเปลี่ยน ‘สันติภาพ หรือ สงคราม’

‘ไต้หวัน’ เลือกตั้ง จุดเปลี่ยน ‘สันติภาพ หรือ สงคราม’

เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญ โลกได้ลุ้นไปกับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ กำลังเดินไปถึงจุดเปลี่ยนหรือไม่ และจะเป็นตามคำกล่าวอ้างจาก ปธน.สี จิ้นถึงอย่างไร

Key Points 

  • ครั้งนี้ ไม่มีพรรคใดสนับสนุนการรวมชาติ ซึ่งจะทำให้ไต้หวันเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตย ไปเป็นคอมมิวนิสต์ หรือพรรคเดียวกับปักกิ่ง
  • หากไล่ ชิงเต๋อชนะอาจเป็นอันตรายต่อ "สันติภาพ" เพราะเขาเดินหน้าส่งเสริมเอกราชของไต้หวัน ถ้าคว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้
  • มาถึงจุดทางเลือกที่ ชาวไต้หวันจะโอบกอดโลก หรือผูกมัดไว้กับจีน จะไว้วางใจไต้หวันหรือไว้วางใจในสี

 

ชาวไต้หวัน ออกไปใช้สิทธิ เลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน คนใหม่ตั้งแต่เช้าของในวันนี้ หรือตั้งแต่เวลา 8.00 - 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังเป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ผู้ลงสมัครเดินขบวนหาเสียงอย่างเอิกเกริกไปทั่วเกาะ นอกชายฝั่งตะวันออกของจีน พร้อมเย้ยหยันฝ่ายค้าน และให้คำมั่นจะรับใช้ประชาชน สิ่งนี้ยืนยันระบอบประชาธิปไตยที่สว่างไสวและรุ่งเรืองในไต้หวัน

หากแต่คำกล่าวเนื่องในวันปีใหม่ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำเตือนว่า ไต้หวันเป็นของจีน และยืนยันจะรวมชาติอีกครั้ง หลังใช้เวลานานกว่า 7 ทศวรรษ

สหรัฐ ในฐานะพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของไต้หวัน ได้จับตาดูการเลือกตั้ง และท่าทีจีนอย่างใกล้ชิด

เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยการสนทนา ในการพบปะระหว่างผู้นำโจ ไบเดน และสี จิ้นผิงที่สหรัฐ ในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว โดยปธน.สี เรียกไต้หวันว่า เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดและอาจอันตรายที่สุด ต่อความสัมพันธ์จีนและสหรัฐ โดยเขาต้องการรวมชาติอย่างสันติ แต่กลับปฏิเสธแนวทางดังกล่าวเสียเอง

รู้จัก ผู้ชิงชัย ปธน. กุมชะตาไต้หวัน

การแข่งขันชิงชัยเก้าอี้ ประธานาธิบดีไต้หวัน ปี 2567 มีขึ้นระหว่างรองประธานาธิบดี “ไล่ ชิงเต๋อ” วัย 64 ปี จาก พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ซึ่งเขาเป็นนายแพทย์ จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ผันตัวมาเล่นการเมือง

ขณะที่ “โหว ยูอี๋” อดีตนายตำรวจใหญ่จากพรรคฝ่ายค้าน ก๊กมินตั๋ง เป็นอีกหนึ่งผู้ท้าชิง และยังมี “โก เวิ่นเจ๋อ”  อดีตนายกเทศมนตรีกรุงเทไป จาก พรรคประชาชนไต้หวัน (ทีพีพี) ที่ถูกมองเป็นม้ามืด

เลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการแข่งขันที่สูสี ซึ่งโพลก่อนการลงคะแนนเสียงจะมีขึ้นหนึ่งสัปดาห์ พบว่า พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของไล่ ชิงเต๋อ มีคะแนนนำคู่แข่งจากพรรคก๊กมินตัง เพียงสองสามเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

หากแต่ทุกพรรคการเมืองของไต้หวัน สนับสนุนแนวทางที่แตกต่าง ในการดีลกับปักกิ่ง

จุดยืนผู้สมัคร vs คำเตือนจากแผ่นดินใหญ่

พรรคก๊กมินตั๋งสนับสนุนการเจรจาและใกล้ชิด แต่ไม่ระบุความสัมพันธ์กับจีนเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีพรรคใดสนับสนุนการรวมชาติ ซึ่งจะทำให้ไต้หวันเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตย ไปเป็นคอมมิวนิสต์ หรือพรรคเดียวกับปักกิ่ง จึงสะท้อนชาวไต้หวันส่วนใหญ่ให้ความเชื่อมั่นอย่างท่วมท้น

โคล จากสถาบันรีพับลิกันนานาชาติในกรุงไทเป บอกกับซีบีเอสว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับฮ่องกงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น ไต้หวันไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเองแน่นอน

ผู้สนับสนุนแต่ละพรรคการเมืองในไต้หวัน มีสิ่งที่เหมือนกัน ที่เรียกว่า “เสรีภาพและประชาธิปไตย”

ขณะที่ จีนมองว่า ไล่ และพรรคดีพีพี ซึ่งบริหารไต้หวันในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งเสริมทัศนคติแบ่งแยกดินแดนในไต้หวัน 

 

บุคคลอันตรายต่อสันติภาพ

หากไล่ ชิงเต๋อชนะอาจเป็นอันตรายต่อ "สันติภาพ" ตามที่แถลงการณ์สำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะกรรมการกลาง พรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุในวันพฤหัสบดี (10 ม.ค.) ว่า ไล่ ชิงเต๋อจะเดินหน้าส่งเสริมเอกราชของไต้หวัน ถ้าคว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันเสาร์นี้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันชี้ว่า จีนกำลังข่มขู่ชาวไต้หวันอย่างเปิดเผยต่อประชาคมโลก

“จีนแทรกแซงการจัดการเลือกตั้งไต้หวันทุกๆครั้ง และครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ไล่กล่าวก่อนการเลือกตั้ง และระบุว่า ไม่ว่าจะโฆษณาชวนเชื่อ ปล่อยเฟคนิวส์ หรือข่มขู่ทางทหาร สร้างความกลัวหากเกิดสงคราม สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาใช้ทั้งหมด

 

เสี่ยงสงครามช่องแคบไต้หวัน

ปัจจุบันมีเครื่องบินทหารอากาศจำนานมาก บินลาดตระเวนในช่องแคบไต้หวัน ไม่ใช่แค่กองทัพจีนและไต้หวันเท่านั้น แต่ยังมีกองทัพสหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอื่นๆ ต่างก็เสี่ยงเผชิญสถานการณ์ความตึงเครียด พร้อมข้อกล่าวหาว่า “บุกรุก” ได้กลายเป็นเรื่องปกติมาก

จาง ยูทูบเบอร์มองว่า นั่นเสี่ยงความหายนะและความผิดพลาดทางอากาศ เพราะหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถควบคุมตัวเอง ก็อาจนำไปสู่สงครามได้ทุกเมื่อ

 

ไว้ใจไต้หวัน หรือ สี จิ้นผิง

ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันไม่กี่วัน ที่เมืองเหมียวลี ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไทเป ผู้เชื่อมั่นพรรคดีพีพีจำนวนหลายพันคน ได้รวมตัวกันในสวนสาธารณะ พร้อมเปิดเพลงดังก้องไปทั่วใจกลางเมือง และโบกธงที่มีข้อความว่า “เลือกคนที่ใช่ เดินหน้าไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง”

แน่นอนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องในประเด็นท้องถิ่น ตั้งแต่ค่าที่อยู่อาศัย ไปจนถึงระบบดูแลผู้สูงอายุให้ดีขึ้น แต่พื้นฐานทั้งหมดคือความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีน

“นี่เป็นการเลือกประธานาธิบดีครั้งสำคัญ” ไล่กล่าวและระบุว่า ชาวไต้หวันจะสวมกอดโลก หรือผูกมัดไว้กับจีน ไว้วางใจไต้หวันหรือไว้วางใจในสี

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรรคไหนจะชนะ ชาวไต้หวันจะไม่ลงคะแนนให้เชื่อสี แน่นอน

 

ที่มา : CBSNEWS