แค่ไม่กี่ปี 5 สุดยอดอภิมหาเศรษฐีโลกรวยเพิ่มกว่าสองเท่า
รายงานประจำปีออกซ์แฟมเผย 5 บุคคลร่ำรวยสุดในผืนพิภพอู้ฟู่ขึ้นมากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2563 ความมั่งคั่งสุทธิพุ่งขึ้น 114% รวม 8.69 แสนล้านดอลลาร์หลังพิจารณาเงินเฟ้อแล้ว ถ้ายังเป็นเช่นนี้คาดได้อภิมหาเศรษฐีล้านล้านดอลลาร์คนแรกภายใน 10 ปี
องค์กรการกุศล “ออกซ์แฟม” เผยรายงานประจำปีรับการประชุมเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัมที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่บรรดาเศรษฐีและผู้นำโลกมารวมตัวกัน รายงานใช้ข้อมูลที่ฟอร์บสรวบรวม พบว่า
นับตั้งแต่ปี 2563 ห้าบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก รวยเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าความมั่งคั่งสุทธิพุ่งขึ้น 114% รวม 8.69 แสนล้านดอลลาร์
อีลอน มัสก์ ที่มีกิจการมากมายรวมทั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ รวยเพิ่มมากที่สุดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สิ้นเดือน พ.ย.พุ่งไปอยู่ที่ 2.45 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 737% จากเดือน มี.ค.2563 หลังคำนวณเงินเฟ้อแล้ว
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธาน LVMH บริษัทสินค้าแบรนด์เนมฝรั่งเศส และครอบครัว มั่งคั่งสุทธิ 1.91 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 111%
เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอน ร่ำรวย 1.67 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% แลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล มั่งคั่งรวม 1.455 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 107%
ปิดท้ายด้วยวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซีอีโอเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ความมั่งคั่งสุทธิเพิ่มขึ้น 48% มาอยู่ที่ 1.192 แสนล้านดอลลาร์
ในภาพรวม นับตั้งแต่ปี 2563 เหล่าเศรษฐีพันล้านทั้งหลายรวยเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 34% ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเงินเฟ้อถึงสามเท่า
อภิมหาเศรษฐีสหรัฐ ที่ร่ำรวยมาจากการถือหุ้นบริษัท รวยเพิ่มมากที่สุด เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
ในเวลาเดียวกันคนทั่วโลกเกือบ 5,000 ล้านคนยากจนลงเพราะพิษเงินเฟ้อ สงคราม และวิกฤติสภาพอากาศ จากแนวโน้มปัจจุบันต้องใช้เวลาเกือบ 230 ปีจึงจะขจัดความยากจนลงไปได้
นายนาบิล อาเหม็ด ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและยุติธรรมทางเชื้อชาติ ออกซ์แฟมอเมริกา กล่าวว่า แม้ความเหลื่อมล้ำกำลังเพิ่มขึ้น แต่คนงานก็ใช้พลังอำนาจที่มีผ่านการประท้วงและทำข้อตกลงค่าจ้างและสภาพการจ้างที่ดีขึ้น อีกทั้งรัฐบาลบางประเทศเข้าข้างคนงาน ผลักดันนโยบายเสริมสิทธิแรงงาน
พลังอำนาจบริษัท
รายงานออกซ์แฟมให้เหตุผลว่า การที่ธุรกิจทำกำไรใหญ่โต ช่วยให้คนมั่งมีอยู่แล้วมีมากขึ้นไปอีก บริษัทมหาชนใหญ่สุดของโลก 7 ใน 10 แห่ง ถ้าไม่มีเศรษฐีพันล้านเป็นซีอีโอก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นสินทรัพย์การเงินโลก 43% ถือครองโดยสุดยอดคนร่ำรวยเพียง 1% เท่านั้น ในสหรัฐคนกลุ่มนี้ครอบครองสินทรัพย์ 32% ในเอเชีย 50% ในตะวันออกกลางสุดยอดอภิมหาเศรษฐี 1% มั่งคั่ง 48% ส่วนในยุโรปตัวเลขอยู่ที่ 47%
ในรอบ 12 เดือนนับถึง มิ.ย. 2566 บริษัทใหญ่สุดของโลกราว 148 แห่ง ทำกำไรเกือบ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2561-2564 คิดเป็น 52.5%
ในปีหรือสองปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ บริษัทยา และอุตสาหกรรมการเงินกำไรสูงพรวดพราดเกิดกว่าค่าเฉลี่ยช่วงหลายปีก่อนหน้า ออกซ์แฟมจึงเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามามีบทบาท
“รัฐบาลต้องเข้าแทรกแซงเพื่อทะลายการผูกขาด เอื้ออำนาจให้คนงาน เก็บภาษีบริษัทที่มีกำไรมหาศาล และที่สำคัญต้องลงทุนในสินค้าและบริการภาครัฐยุคใหม่” นายอมิตาบ เบฮาร์ กรรมการบริหารชั่วคราวของออกซ์แฟม อินเตอร์เนชันแนลให้ความเห็น