มัดรวมเทคฯเอไอ 'CES 2024' ใช้ได้ทุกช่วงชีวิตยันทำนายอนาคต

มัดรวมเทคฯเอไอ 'CES 2024' ใช้ได้ทุกช่วงชีวิตยันทำนายอนาคต

เอไอสามารถเปลี่ยนโฉมธุรกิจหลายประเภท ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีกและบริษัทผลิตรถยนต์ ไปจนถึงผู้ร้านอาหารและบริษัทผลิตชิป

Consumer Electronics Show (ซีอีเอส) งานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ (12 ม.ค.) ที่ผ่านมา มีบริษัทเทคฯเข้าร่วมหลายพันแห่งจากหลายอุตสาหกรรม แต่ทุกคนในงานกลับพูดดึงเทคปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) กันมากที่สุด

งานซีอีเอสในปีนี้ เอไอเป็นพระเอก แสดงให้เห็นว่าเอไอสามารถเปลี่ยนโฉมธุรกิจหลายประเภท ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก บริษัทผลิตรถยนต์ ไปจนถึงผู้ร้านอาหารและบริษัทผลิตชิป

สำนักข่าวนิกเคอิได้รวบรวมเทคฯเอไอที่น่าสนใจและอาจเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราไว้ 4 ประเภท ได้แก่

1.เอไอทำนายอนาคต

บริษัทสตาร์ตอัปจากฮอลแลนด์พยายามทำให้เอไอในนิยายที่มักรับบทเป็นผู้รอบรู้สามารถทำนายอนาคตเหล่านั้นเป็นจริงได้

“ยาร์ด ฟาน อินเกน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้งบริษัทโฟกัส เผยกับนิกเคอิเอเชียว่า โมเดลเอไอสามารถคาดการณ์เทคโนโลยีล้ำสมัยใหม่ในอนาคตจากข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลก รวมถึงในเกาหลีเหนือด้วย เสมือนเป็น “แพลตฟอร์มวิเคราะห์เอไอแบบคาดการณ์แรกของโลก” และไม่ได้คาดการณ์เพียงเทรนด์ที่กำลังจะมา แต่คาดการณ์โอกาสประสบความสำเร็จจากข้อมูลมาตรการต่าง ๆ เช่น ความถี่ของการอัปเดตข้อมูลสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยี อัตราการอ้างอิงถึงเทคฯที่เกี่ยวข้อง และตัวชี้วัดอื่น ๆ

บริษัทโฟกัส คาดการณ์ถึงประเด็นร้อนแรงอย่าง แบตเตอรี่โซลิดสเตต พบว่าแบตฯดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จ แม้มีการลงทุนจำนวนมากจากผู้ผลิตรถยนต์อย่างโตโยต้า แต่เทคโนโลยีแบตเตอรี่อีวีที่ได้รับพัฒนาและปรับปรุงอย่างรวดเร็วจะเข้ามาในตลาดก่อนที่แบตฯโซลิดสเตตจะรุกตลาด

ตอนนี้ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทโฟกัส คือกองทัพเรือสหรัฐ ที่ใช้เอไอของบริษัทกำหนดกลยุทธ์เทคโนโลยีระหว่างประเทศ และปฏิเสธเปิดเผยเทคโนโลยีคดาการณ์ที่โฟกัสให้บริการกับรัฐบาลวอชิงตัน

2.เอไอช่วยแก้ปัญหาผมร่วง

หลายคนที่มีปัญหาผมร่วง นอกจากมียาสระผมและครีมบำรุงแล้ว ตอนนี้โลกของเรามีเอไอช่วยแก้ปัญหาผมร่วงด้วย

HairCoSys สตาร์ตอัปจากฮ่องกงได้เปิดตัว CombAI ซึ่งเป็นสมาร์ตหวีที่ช่วยวิเคราะห์เส้นผมและสุขภาพหนังศีรษะ ทั้งยังสามารถตรวจจับสัญญาณของผมร่วงได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

“ไมเคิล หว่อง” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท เติบโตมาในครอบครัวผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผม ครอบครัวของหว่องเป็นเจ้าของแบรนด์รักษาผมร่วง HairAgain เมื่อเขาได้เห็นลูกค้าเข้ามารักษาผมร่วง หว่องจึงตัดสินใจเดินหน้าธุรกิจปกป้องผมร่วงของตนเอง

นอกจากธุรกิจครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจแล้ว ยังเป็นฐานข้อมูลสำหรับโมเดลเอไอของหว่องด้วย โดยเอไอได้รับการฝึกวิเคราะห์ผมร่วงจากรูปหนังศีรษะและเส้นผมกว่า 1 ล้านรูปภาพจาก HairAgain

หวีเอไอหน้าตาธรรมดานั้น มีกล้องติดอยู่ สามารถถ่ายรูปหนังศีรษะและเส้นผมได้ พร้อมกับเชื่อมต่อแอพลิเคชันเพื่อวิเคราะห์ผลแบบเรียลไทม์ในแต่ละกรณี

HairCoSys เผยว่า เอไอสามารถพบต้นตอปัญหาผมร่วงได้มากกว่า 20 ประเภท เช่น รังแคและความมันส่วนเกิน ซึ่งมีอัตราความแม่นยำที่ระดับ 90% นอกจากนี้ระบบเอไอสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมได้จากการวิเคราะห์หนังศีรษะและเส้นผมของลูกค้าด้วย
 

3.เอไอรู้ใจลูกน้อย

พ่อแม่หลายคนคงรู้จักความหงุดหงิดจากการที่เด็กเกิดใหม่ร้องไห้เป็นชั่วโมงโดยไม่รู้ว่าเป็นอะไร หรือไม่รู้จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร แต่บริษัทสตาร์ตอัปแคปเพลลา (Cappella) จากเมืองแคมบริดจ์ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สร้างเอไอที่สามารถเข้าใจลูกน้อยได้ดีกว่าพ่อแม่ขึ้นมาได้

“อาพอลลีน เดโรช” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแคปเพลลา เผยว่า เอไอสามารถรู้ปัญหาการร้องไห้ในเด็กทารกได้แม่นยำที่ระดับ 95% มากกว่าการวิเคราะห์ของมนุษย์ที่มีความแม่นยำเพียง 30%

เดโรช บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเอ็มไอที บอกว่า เทคโนโลยีเอไอของแคปเพลลาสร้างด้วยโมเดลเอไอเรียนรู้และฝึกให้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กทารกร้องไห้จำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อมูลจากโรงพยาบาล

“เอไอของเราวิเคราะห์จากปัจจัย 5-6 อย่างในทุก ๆ การร้องไห้ เราดูบริบทโดยรอบทุกอย่าง เรายังดูอาการอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ปฏิกิริยาของทารก นิ้วเท้า และการขยับปาก” เดโรช กล่าว

เทคฯดังกล่าวจะวางโทรศัพท์ในห้องนอนของเด็ก และอีกเครื่องหนึ่งเก็บไว้ที่ผู้ดูแล โดยสองเครื่องดังกล่าวจะเชื่อมต่อกับแอปฯแคปเพลลาที่จะอัปเดตข้อมูลและแจ้งเตือนการร้องไห้ของเด็ก รวมถึงวิเคราะห์สาเหตุของการร้องไห้ว่าเด็กหิว เหนื่อย หรือไม่สบายตัว หากผู้ดูแลไม่เห็นด้วยกับการวิเคราะห์การร้องไห้ของแอปฯ สามารถกดปุ่มส่งฟีดแบคเพื่อให้เอไอฝึกวิเคราะห์เพิ่ม

นอกจากนี้ แคปเพลลากำลังสร้างเสียงด้วยเอไอเพื่อให้สามารถช่วยปลอบเด็กร้องไห้ได้

4.เอไอเซ็กส์ทอย

ขณะที่เทคโนโลยีเกี่ยวกับเพศเข้าร่วมงานซีอีเอสมากมายในปีนี้ แต่มีบริษัทแห่งหนึ่งแสดงให้เห็นว่า เอไอสามารถนำไปปรับใช้กับอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้มากเพียงใด

Svakom ผู้ผลิตเซ็กส์ทอยจากจีน เปิดตัวอุปกรณ์เคลื่อนไหวที่สามารถเชื่อมต่อกับวิดีโอใด ๆ ก็ตามที่ผู้ใช้กำลังดูอยู่ 

นอกจากบริษัทใช้วิดีโอผู้ใหญ่และเนื้อหาอื่น ๆ เป็นข้อมูลฝึกเอไอแล้ว บริษัทยังฝึกเอไอเรียนรู้วิธีการปรับแรงดัน ความถี่และรูปแบบการเคลื่อนไหวอื่น ๆ โดยอิงจากเนื้อหา เพื่อจำลองกิจกรรมทางเพศของมนุษย์ได้เสมือนจริงมากขึ้น

แต่เนื่องจากภายในงานไม่สามารถเปิดคอนเทนต์ผู้ใหญ่ได้ บริษัทจึงเปิดวิดีโอจำลองการใช้เทคโนโลยี ให้เห็นผู้หญิงนั่งดูคลิปกระโดดตบ จากนั้นอุปกรณ์ของ Svakom ก็ขยับขึ้นลงตามการออกกำลังกายดังกล่าว

ด้านผู้บริหาร Svakom แนะว่า สิ่งสำคัญแรกของการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว คือการทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจกับการใช้เซ็กส์ทอยก่อน อย่างไรก็ตาม เซ็กส์ทอยยังถือเป็นสินค้าผิดกฎหมายในประเทศไทยอยู่