จากไทยมองไปเอกวาดอร์ ต่อไปยังอาร์เจนตินา | ไสว บุญมา

บทความนั้นชี้ว่า ความฉ้อฉลเป็นปัจจัยทำให้เกิดนักโทษหมายเลข 1 อันโด่งดังทั้งในเมืองไทยและในเอกวาดอร์ แม้รัฐบาลจะใช้มาตรการเข้มข้น จนถึงประกาศภาวะฉุกเฉินไล่ล่าหัวหน้ากลุ่มอั้งยี่ที่หนีออกจากคุกไปได้แบบน่าอัศจรรย์ 

แต่พวกอั้งยี่มิได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย จึงตอบโต้รัฐบาลด้วยการจุดระเบิดในรถยนต์ ก่อจลาจลในคุกและลักพาตัวตำรวจ นอกจากนั้น ยังท้าทายรัฐบาลโดยการบุกเข้าไปจี้พนักงานในสถานีโทรทัศน์ในขณะถ่ายทอดสดในเมืองใหญ่ที่สุดของเอกวาดอร์อีกด้วย

อั้งยี่มีหลายกลุ่มในเอกวาดอร์ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างโคลอมเบียกับเปรู สามประเทศนี้เป็นแหล่งผลิตโคเคนมากที่สุดในโลก กลุ่มอั้งยี่เป็นหัวจักรใหญ่ในการส่งโคเคนไปขายยังสหรัฐและยุโรป การขนส่งทางบกผ่านโคลอมเบีย

หลายประเทศในอเมริกากลางและเม็กซิโกก่อนถึงสหรัฐ มีอุปสรรคมากทั้งจากรัฐบาลและจากอั้งยี่ในประเทศที่โคเคนผ่าน การขนส่งทางน้ำจึงเป็นที่นิยมถึงขนาดสร้างเรือดำน้ำเพื่อขนโคเคนโดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางน้ำก็มิใช่จะพ้นสายตาของรัฐบาลเสมอไป จึงถูกจับได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้อั้งยี่ต้องหาวิธีใหม่ หนึ่งในวิธีใหม่ได้แก่การส่งทางน้ำตามทางโค้งจากชายฝั่งทะเลเอกวาดอร์ไปอ้อมหมู่เกาะกาลาปากอสอันโด่งดัง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 1,000 กม. 

ในหมู่เกาะนั้น นอกจากเต่ายักษ์และสัตว์หลายชนิดซึ่งไม่มีในพื้นที่อื่นแล้ว มีชาวเอกวาดอร์กว่า 3 หมื่นคนอาศัยอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่ตกอยู่ในสภาพยากจนและอยู่ได้ด้วยการทำประมงพื้นบ้าน รัฐบาลต้องการเพิ่มสวัสดิการให้แก่พวกเขา

จึงเอื้อให้พวกเขาซื้อน้ำมันสำหรับเครื่องยนต์เรือได้ในราคาต่ำกว่าราคาตลาด การมีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่จนเหลือส่งออกได้อย่างเป็นกอบเป็นกำทำให้รัฐบาลดำเนินนโยบายนั้นได้ง่ายขึ้น

เนื่องจากชาวเอกวาดอร์โดยทั่วไปไม่ต่างกับชาวไทยในด้านการใช้ความฉ้อฉล พวกเขาจึงขายน้ำมันที่ซื้อได้ในราคาต่ำให้แก่พวกขนโคเคน ทำให้ได้กำไรสูงแบบง่ายๆ กว่าการฝ่าคลื่นลมออกไปใช้แรงจับปลาในทะเล

หมู่เกาะนี้เป็นเสมือนสถานีเติมน้ำมันของพวกขนโคเคนอยู่นานก่อนที่รัฐบาลจะจับได้ กระนั้นก็ตาม รัฐบาลขาดกำลังพลที่จะลาดตระเวนและตามจับพวกอั้งยี่ในพื้นที่อันกว้างใหญ่ได้หมด

ในช่วงที่ นสพ.วอชิงตันโพสต์ เสนอรายงานการใช้ “หมู่เกาะกาลาปากอส” เป็นสถานีเติมน้ำมันนั้น มีรายงานการจับยาบ้า 10 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 43 กก. และยาเค 3 กก. ได้ในย่านบางพลี สมุทรปราการ การจับได้นั้นยืนยันอีกครั้งว่า ไทยเป็นแหล่งขนย้ายสำคัญของการค้ายาเสพติดเช่นเดียวกับเอกวาดอร์ สมกับเป็นประเทศที่มีความฉ้อฉลเท่ากัน 

ความฉ้อฉลพาเอกวาดอร์ไปไกลกว่าไทย ในแง่ที่มีเงินเฟ้อสูงจนแก้ไม่ได้ถึงกับต้องนำเงินดอลลาร์มาใช้แทนเงินตราของตัวเอง การทำเช่นนั้นมีค่าเท่ากับการสูญเสียเอกราชในด้านการดำเนินนโยบายการเงิน

คอลัมน์นี้เคยรายงานแล้วว่า ประธานาธิบดีคนใหม่ของอาร์เจนตินาปราศรัยในการหาเสียงว่า อาจจะใช้ดอลลาร์แทนเงินเปโซของอาร์เจนตินาเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ เนื่องจากยิ่งแก้ยิ่งสาหัสขึ้น ล่าสุด สำนักข่าวเอพีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในอาร์เจนตินาเมื่อปีที่แล้วสูงถึง 211% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 32 ปี

ดัชนีชี้วัดความฉ้อฉลของอาร์เจนตินาอยู่ที่ 38 ซึ่งไม่ต่างอย่างมีนัยสำคัญกับของไทยและเอกวาดอร์ซึ่งอยู่ที่ 36 ความฉ้อฉลผสมกับประชานิยมแบบเลวร้ายเป็นปัจจัยทำให้อาร์เจนตินาประสบปัญหาสาหัสมากว่า 70 ปี แต่ยังไม่ถึงกับเสียเอกรายซึ่งอาจจะเสียถ้าประธานาธิบดีตัดสินใจใช้เงินดอลลาร์เช่นเอกวาดอร์

ไทยใช้ประชานิยมมากว่า 22 ปีและมีความฉ้อฉลพอๆ กับอาร์เจนตินา ตอนนี้รัฐบาลไทยกดดันธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างหนักเพื่อให้คล้อยตามนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายของตน การกดดันนี้อาจมีผลถึงเกิดภาวะเงินเฟ้อร้ายแรงจนแก้ไม่ได้ส่งผลให้ไทยต้องเสียเอกราช