มองเศรษฐกิจจีนผ่าน 'หอการค้าอเมริกัน' ธุรกิจเกือบ 1 ใน 3 ลดแผนการลงทุนปีนี้
หอการค้าอเมริกันในจีนเปิดเผยผลสำรวจธุรกิจสหรัฐ เสียงส่วนใหญ่ชี้ "ทุกวันนี้หาเงินในจีนได้ยากขึ้น" ธุรกิจเกือบครึ่งไม่มีแผนลงทุนเพิ่มปีนี้ พร้อมระวัง 2 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ "ภูมิรัฐศาสตร์-กฎระเบียบของรัฐ"
Key Points
- หอการค้าสหรัฐในจีนเปิดเผยผลสำรองมุมมองธุรกิจสหรัฐในจีนล่าสุด พบสถานการณ์ปีนี้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังห่วง 2 ปัจจัยเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และกฎระเบียบของรัฐ
- มีธุรกิจแค่ 19% ที่ระบุว่าทำเงินในจีนได้มากกว่าในประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ลดลงจาก 22-26% เมื่อหลายปีก่อน
- ธุรกิจเกือบ 1 ใน 3 มีแผนจะลดการลงทุนในปีนี้ลง
หอการค้าอเมริกัน (Amcham) ในประเทศจีน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นธุรกิจสหรัฐในจีน 343 แห่ง ระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย. ที่ผ่านมาพบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าการหาเงินในจีนทำได้ยากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 และแสดงความกังวลว่าอาจจะทำธุรกิจในจีนต่อได้อีกไม่นานนัก
ธุรกิจ 19% ระบุว่า สามารถทำกำไรในจีนก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยได้สูงกว่าที่ทำได้รวมในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งดีขึ้นกว่าผลสำรวจเมื่อปี 2565 ที่อยู่เพียง 12% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่ดีขึ้นก็ยังห่างไกลจากจีนในช่วงปกติก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ซึ่งธุรกิจจีนเคยให้มุมมองเชิงบวกต่อกำไรไว้ 22-26% ในการสำรวจเมื่อปี 2561-2564
"การที่ธุรกิจอเมริกันซึ่งเป็นสมาชิกของเราไม่สามารถทำกำไรในจีนได้นั้นถือเป็นเรื่องน่ากังวล พวกเขาอาจจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานถ้าไม่สามารถทำกำไรได้ และนี่ยังถือเป็นสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลจีนด้วย" ไมเคิล ฮาร์ท ประธานหอการค้าอเมริกันในจีนกล่าว
ผลสำรวจของหอการค้าอเมริกันพบว่า มีบริษัท 49% ที่ระบุว่ากำไรในจีนเมื่อปีที่แล้วอยู่ในระดับเดียวกันกับที่ทำได้ในประเทศอื่นๆ ของโลก โดยเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจปีก่อนหน้า 1% และเท่ากับผลสำรวจในปี 2562
ขณะที่บริษัท 1 ใน 3 ระบุว่าทำกำไรในจีนได้น้อยกว่าภาพรวมของโลก หรือลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 40% สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดในปี 2562 ซึ่งอยู่ที่เพียง 30%
ฮาร์ทกล่าวว่า แม้สถานการณ์ในจีนปี 2566 จะปรับตัวดีขึ้นเอเทียบปีก่อนหน้า แต่ก็ยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับที่เคยทำได้ก่อนหน้านี้
"คุณไม่ได้มาจีนเพื่อเสมอตัว เราคาดหวังว่าจะได้เห็นสมาชิกของเราสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นกว่านี้" ประธานหอการค้าอเมริกันในจีนกล่าว
ทั้งนี้ ผลสำรวจพบด้วยว่าธุรกิจสหรัฐยังลังเลที่จะขยายการลงทุนเพิ่มในปี 2567 นี้ โดยเป็นผลมาจากความกังวล 2 เรื่องหลักๆ คือ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน และความเสี่ยงจากกฎระเบียบของรัฐ
ธุรกิจอเมริกันเกือบ 50% จากที่สำรวจระบุว่า ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในปีนี้หรืออาจพิจารณาลดการลงทุนลง ขณะที่ธุรกิจเกือบ 1 ใน 3 ระบุว่าบริษัทจะลดการลงทุนในปีนี้ลง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี, การวิจัย, และการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม มุมมองของธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงเห็นพ้องกันว่า จีนยังคงเป็นตลาดสำคัญของธุรกิจสหรัฐ โดย 50% มองว่าจีนเป็น 1 ใน 3 จุดหมายการลงทุนที่สำคัญที่สุดของโลก ขณะที่ 77% ระบุว่ายังไม่มีแผนจะย้ายฐานการผลิตออกจากจีน โดยมีเหตุผลสำคัญมาจากการปรับตัวด้านห่วงโซ่อุปทานของภาคเอกชนในจีน