‘สหรัฐ’ ถล่มกลับ กลุ่มเกี่ยวข้อง ‘อิหร่าน’ จุดจบ หรือ เริ่มต้นสงคราม
‘ไมค์ ปอมเปโอ’ ประเมินสถานการณ์ สหรัฐโจมตีทางอากาศกลุ่มกองกำลังที่อิหร่านให้การสนับสนุน ในอิรักและซีเรีย ชี้ถึงเวลาชำระแค้น แต่เกรงไม่จบแค่นี้
Key Points :
- การโจมตีกลับของสหรัฐต่อเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนในซีเรียและอิรัก จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถโน้มน้าวอิหร่านให้หยุดนักรบเคลื่อนไหวโจมตีเจ้าหน้าที่ และฐานทัพสหรัฐทุกแห่งในโลก
- สหรัฐไม่ต้องการแสวงหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือที่ใดๆในโลก หากแต่รัฐบาลไบเดน ไม่มีวันยอมให้กลุ่มใดโจมตีกองทัพอเมริกันเป็นอันขาด
- สหรัฐโจมตีกลับล่าช้าไปหรือไม่ เพราะทอดเวลานานไป อาจเปิดโอกาสให้กองกำลัง IRGC ส่วนใหญ่เก็บกระเป๋าหนีกลับอิหร่านไปเสียก่อน และอาจนำไปสู่การช่วงชิงก่อเหตุโจมตีสหรัฐครั้งต่อไป
นายไมค์ ปอมเอโอ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง และ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ว่า การโจมตีกลับของสหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายเป็นกองกำลังติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนในซีเรียและอิรัก จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถโน้มน้าวอิหร่านให้หยุดนักรบเคลื่อนไหวโจมตีเจ้าหน้าที่และฐานทัพสหรัฐทุกแห่งในโลก
“ตัวชี้วัดความสำเร็จอย่างเดียวนั่นคือ สหรัฐสามารถหยุดยั้งการรุกรานของอิหร่านได้อีกหรือไม่” ไมค์ ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์
ปักหมุดหยุด อิหร่าน
ปอมเปโอ อธิบายให้ชัดขึ้นว่า ปฏิบัติการของสหรัฐ ไม่ใช่แค่หยุดการรุกรานเฉพาะที่เกิดขึ้นจอร์แดน อิรัก หรือซีเรียเท่านั้น แต่ภาพใหญ่เราต้องหยุดการกระทำของอิหร่าน ที่มุ่งเป้าโจมตีไปที่ผลประโยชน์ และสถานที่ไหนก็ได้ในโลก ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสหรัฐ ท่ามกลางกลุ่มฮามาส ฮิซบอลเลาห์ ยังคงเคลื่อนไหวต่อต้านพันธมิตรสหรัฐอย่างอิสราเอล นอกเหนือจากที่อิหร่านยังคงโจมตีเรือทหาร และเรือขนส่งสินค้าใน ทะเลแดง
ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้จะลุกลามบานปลายแค่ไหน ปอมเปโอย้ำว่า ไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ รัฐบาลโจ ไบเดน หวังผลลัพธ์ความรุนแรงไว้ขนาดไหน
จุดจบ หรือเริ่มต้นความขัดแย้ง
“ความจริงแล้ว สหรัฐโต้กลับช้าไปด้วยซ้ำ หลังเหตุการณ์โดรนติดอาวุธโจมตีสถานที่ที่มีชื่อว่า ทาวเวอร์22 ซึ่งเป็นฐานทัพสหรัฐ เป็นผลให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 3 นายเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ถึงอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการตอบโต้ครั้งนี้ให้ชัดเจน สหรัฐต้องโจมตีอย่างจริงจัง และทำให้อิหร่านรู้ซึ้งถึงผลการกระทำดังกล่าว” ปอมเปโอกล่าว
ในทางกลับกัน หากผลการโจมตีของสหรัฐครั้งนี้ล้มเหลว ย่อมส่งผลความรุนแรงที่บานปลายไม่สิ้นสุด จนกว่ารัฐบาลโจ ไบเดน พร้อมด้วยพันธมิตรของสหรัฐ จะฟื้นแนวทางป้องปรามกลุ่มกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ได้
ส่วนท่าทีของ สหภาพยุโรป ควรมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ปอมเปโอมองว่า ต้องทำอะไรมากกว่านี้ เพื่อร่วมกันหยุดยั้งการโจมตีในทะเลแดง เพราะจะปล่อยให้สหรัฐจัดการกบฏฮูตี เพียงฝ่ายเดียวคงไม่พอ
ไทม์ไลน์ความรุนแรง
เจ้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐ 2 นายยืนยันกับผู้สื่อข่าวความมั่นคงของฟ็อกซ์นิวส์ว่า สหรัฐได้เริ่มการโจมตีเป้าหมายไปที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และกลุ่มติดอาวุธในซีเรียและอิรัก
การโต้กลับโจมตีครั้งนี้ เริ่มขึ้นประมาณ 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ของวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) มุ่งเป้าหมาย 85 จุดใน 6 แห่ง รวมถึงศูนย์บัญชาการ คลังอาวุธ และห้องหลบภัยใต้ดินของกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งยอมรับว่า ปัจจุบันสถานที่เหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นมาก
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การอนุมัติวันที่ 2 ก.พ. เพื่อให้กองทัพสหรัฐดำเนินการกับกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุสังหารทหารสหรัฐ 3 นาย ระหว่างการยิงโจมตีในจอร์แดนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ม.ค.) โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ยังทำให้ทหารอีก 40 นายได้รับบาดเจ็บด้วย
ด้าน พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ยืนยันหลังกองทัพสหรัฐเริ่มปฏิบัติการแล้วหนึ่งชั่วโมงว่า สหรัฐได้ทำการโจมตีตอบโต้ และย้ำว่า
“สหรัฐไม่ต้องการแสวงหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือสถานที่ไหนในโลก” หากแต่รัฐบาลไบเดน ไม่อาจมีวันยอมให้กลุ่มใดโจมตีกองทัพอเมริกัน
กลุ่มฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เปิดฉากโจมตีรอบสาม ในทะเลแดง อ่าวเอเดน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น แล้วสหรัฐจะดำเนินการอย่างไร
“เราจะดำเนินการเฉพาะที่จำเป็นก็เพื่อปกป้องสหรัฐ กองกำลังและผลประโยชน์ของเราเท่านั้น” ออสตินยืนยัน
จุดอ่อนความลังเล
ขณะที่มาร์ค มอนต์โกเมอรี อดีตนายทหารกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งเกษียณอายุแล้ว และเป็นสมาชิกของมูลนิธิเพื่อปกป้องประชาธิปไตย กล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า นี่เป็นการโจมตีเพื่อชำระความแค้นมานาน
“สงสัยว่า สหรัฐโจมตีกลับล่าช้าไปหรือไม่ เพราะทอดเวลานานไป อาจเปิดโอกาสให้กองกำลัง IRGC ส่วนใหญ่เก็บกระเป๋าหนีกลับอิหร่านเสียก่อน” มอนต์โกเมอรีบอก และมองว่า อาจนำไปสู่การช่วงชิงก่อเหตุโจมตีสหรัฐครั้งต่อไป
แต่ถึงอย่างไรเขามองว่า วันแรกของการโจมตีกลับ สหรัฐทำได้ดี และหวังว่า นี่จะเป็นแคมเปญต่อเนื่องไปหลายสัปดาห์
“จะเป็นเรื่องดี ถ้าได้เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลถูกนำมาใช้ เพราะการร่วมกันโจมตีกลับอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง จะสามารถช่วยกันป้องปรามกลุ่มติดอาวุธนี้ได้ในระยะยาว” มอนต์โกเมอรีกล่าว
กองกำลังติดอาวุธ ล้ำเส้นสหรัฐ
ด้านโจเซฟ โวทัล อดีตผู้บัญชาการทหารสหรัฐ และปัจจุบันเป็นซีอีโอธุรกิจเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ (BENS) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร บอกว่า “ไม่น่าแปลกใจ” ที่เห็น สหรัฐโจมตีกลับ และการรุกไล่ถล่มเป้าหมายหลายสิบแห่งในเวลาเดียว เพราะเป็นสิ่งที่ “สหรัฐจัดการได้” อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม โวทัลคิดว่า เราคงต้องรออีกสักหน่อย และอดทนรอดูแผนการของสหรัฐว่าจะเป็นอย่างไร ในช่วงอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หรือในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะกองกำลังติดอาวุธล้ำเส้นสหรัฐ โทษนี้ใหญ่หลวงนัก
ที่มา : Foxnews