วิกฤติอสังหาฯ จีนไม่จบง่าย? 'คันทรี การ์เดน' ถูกฟ้องปิดกิจการรายล่าสุด

วิกฤติอสังหาฯ จีนไม่จบง่าย? 'คันทรี การ์เดน' ถูกฟ้องปิดกิจการรายล่าสุด

ยักษ์อสังหาฯ จีน 'คันทรี การ์เดน' ถูกฟ้องขอให้ศาลสั่งเลิกกิจการตามรอย 'ไชน่า เอเวอร์แกรนด์' ศาลฮ่องกงนัดฟังคำตัดสิน 17 พ.ค. นี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท "คันทรี การ์เดน โฮลดิงส์" ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดและประสบปัญหาหนักที่สุดในจีน กำลังเผชิญวิบากกรรมรอบใหม่ หลังจากศาลฮ่องกงรับคำฟ้องที่ขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกกิจการบริษัทคันทรี การ์เดน 

รายงานระบุว่า คันทรี การ์เดนถูกบริษัท เอเวอร์ เครดิต จำกัด เป็นผู้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ก.พ. เนื่องจากบริษัทไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ 1,600 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 7,360 ล้านบาท) พร้อมดอกเบี้ย ขณะที่ศาลฮ่องกงนัดฟังคำตัดสินคดีครั้งแรกในวันที่ 17 พ.ค.นี้ 

 

การยื่นฟ้องครั้งนี้จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ คันทรี การ์เดน ให้ต้องเร่งกระบวนการปรับโครงสร้างฟื้นฟูกิจการ หลังมีคดีตัวอย่างจากยักษ์อสังหาฯ "ไชน่า เอเวอร์แกรนด์" ที่เพิ่งถูกศาลฮ่องกงสั่งเลิกกิจการไปเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากล้มเหลวในกระบวนการขอฟื้นฟูกิจการ และกลายเป็นที่จับตามองในเรื่องการขายสินทรัพย์ทอดตลาดเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ก้อนใหญ่

ทั้งนี้ คันทรี การ์เดน กลายเป็นโดมิโน่ตัวใหม่ที่มาเขย่าวิกฤตการณ์อสังหาฯ จีนต่อจากไชน่า เอเวอร์แกรนด์ หลังจากที่บริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้สกุลดอลลาร์เมื่อเดือน ต.ค. 2566 โดยเป็นที่คาดว่าบริษัทมีหนี้หุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศมากถึงราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.6 แสนล้านบาท)  

ภายหลังมีข่าวการฟ้องขอให้ปิดกิจการในวันที่ 28 ก.พ. มูลค่าหุ้นของบริษัทลดลงถึงเกือบ 14% เหลือเพียงราว 8 เซนต์ จากที่เคยวิ่งอยู่ในระดับเกือบ 80 เซนต์ เมื่อเดือน มิ.ย. และหากนับในรอบ 1 ปีมานี้ มูลค่าหุ้นของคันทรี การ์เดน ร่วงลงไปแล้วถึงกว่า 70%