หรือสงครามราคา EV จะจบแล้ว? 'เทสลา' ขึ้นราคารถอีก 1,000 ดอลลาร์ เม.ย.นี้
'เทสลา' แตะเบรกสงครามราคาที่มีมานานกว่า 1 ปี จ่อขึ้นราคารถยนต์รุ่นขายดี Model Y ในสหรัฐ อีก 1,000 ดอลลาร์ เริ่ม 1 เม.ย.นี้
เทสลาเปิดเผยในเว็บไซต์เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า จะขึ้นราคาสำหรับรถยนต์โมเดลวาย (Model Y) ในสหรัฐอีก 1,000 ดอลลาร์ในวันที่ 1 เม.ย.นี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เทสลาได้ปรับขึ้นราคารถยนต์โมเดลวาย รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นระยะทางไกล อีก 1,000 ดอลลาร์เป็น 43,990 ดอลลาร์ และ 48,990 ดอลลาร์ตามลำดับมาแล้ว
เทสลาไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า การขึ้นราคาในเดือนเม.ย.จะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกจากเดือน มี.ค. สำหรับรถรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นระยะทางไกล ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่
ปิดฉากสงครามราคา?
ก่อนหน้านี้ เทสลาเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่นำร่องกลยุทธ์การ "ลดราคา" มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว จนทำให้บริษัทรถอีวีหลายแห่งต้องลดราคาตามทั้งในตลาดสหรัฐ ยุโรป และจีน และกลายเป็นสงครามราคาของรถอีวีมาตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เพราะนอกจากการแข่งขันด้านราคาแล้ว บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าและดีลเลอร์ยังเจอแรงกดดันจากดีมานด์ที่ชะลอตัวจนสต็อกพุ่งขึ้นด้วย
จากข้อมูลของบริษัทวิจัยด้านรถยนต์ เคลลี บลู บุ๊ก ระบุว่าตลอดทั้งปี 2566 ราคารถยนต์อีวีรุ่น Model Y ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของเทสลาในตลาดสหรัฐ ปรับตัวลงถึงกว่า 21% โดยลดลงจากราคาเกือบ 63,000 ดอลลาร์เมื่อเดือน ม.ค. 2566 จนเหลือไม่ถึง 50,000 ดอลลาร์เมื่อเดือน ก.พ. 2567
และในเดือน ก.พ. 2567 เทสลาก็ยังดำเนินกลยุทธ์ด้านราคาอย่างต่อเนื่องด้วยการประกาศลดราคา Model Y รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นระยะทางไกล โดยลดราคาอีก 1,000 ดอลลาร์เป็น 43,990 ดอลลาร์ และ 48,990 ดอลลาร์ตามลำดับ
-
ตลาด 'จีน' ยังเดินหน้ากลยุทธ์อีวีราคาถูกต่อ
"บีวายดี" (BYD) ซึ่งเป็นค่ายรถไฟฟ้ารายใหญ่สุดในจีนยังคงเดินหน้าสงครามราคาต่อด้วยการประกาศลดราคารถอีวีรุ่น ซีกัล (Seagull) ลงอีก 5% เมื่อต้นเดือน มี.ค.นี้ ทำให้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 69,800 หยวน หรือราว 9,700 ดอลลาร์
รอยเตอร์สระบุว่าในบรรดาสงครามราคารถอีวีนั้น BYD กลายเป็นค่ายที่แข่งขันบี้ราคากับเทสลามาอย่างดุเดือดที่สุด จนสามารถเบียดเทสลาขึ้นเป็นรถอีวีที่ขายดีที่สุดในโลกไปได้ แม้ว่ายอดขายส่วนใหญ่จะกระจุกอยู่ในตลาดจีนก็ตาม
ทางด้าน "เสี่ยวเผิง" (Xpeng) ประกาศแผนเตรียมเปิดแบรนด์ลูกตัวใหม่ในกลุ่มรถอีวีราคาถูก ซึ่งจะมีราคาระหว่าง 100,000 - 150,000 หยวน เพื่อแข่งขันในสงครามราคารถอีวีที่กำลังดุเดือดอย่างเต็มตัว ซึ่งนอกจากแบรนด์ใหม่นี้จะแข่งที่ราคาแล้ว ก็ยังมีจุดเด่นที่การนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาเพิ่มจุดขายดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีอีกด้วย