'อินทรีเหล็ก' พลิกขั้วจับมือ 'Nike' หลังใช้ 'Adidas' ยาวนานกว่า 70 ปี
ปิดตำนานสปอนเซอร์กว่า 70 ปี เมื่อ “อินทรีเหล็ก” หรือทีมชาติเยอรมนี เตรียมเลิกใช้แบรนด์ท้องถิ่น “Adidas” และพลิกขั้วซบแบรนด์ “Nike” ของสหรัฐแทน ถือเป็นแข่งขันด้านการตลาดอันดุเดือดระหว่าง 2 แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่
สมาคมฟุตบอลเยอรมัน (เดเอฟเบ) ประกาศข่าวใหญ่ในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) ว่า “Nike” (ไนกี้) ผู้ผลิตชุดกีฬารายใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติอเมริกัน จะเป็นสปอนเซอร์หลักรายใหม่สำหรับชุดแข่งทีมชาติ ด้วยสัญญายาว 7 ปีตั้งแต่ปี 2027 ถึง 2034 ถือเป็นการยุติความเป็นพันธมิตรอันยาวนานถึง 77 ปี กับ “Adidas” (อาดิดาส) แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่ของประเทศ
“Nike ยื่นข้อเสนอทางการเงินที่ดีที่สุดให้กับเรา” เดเอฟเบระบุผ่านเว็บไซต์ และว่า “บริษัทฯ ยังให้คำมั่นที่จะให้การสนับสนุนกีฬาท้องถิ่นตั้งแต่ระดับสมัครเล่นและรากหญ้า รวมถึงฟุตบอลหญิงในเยอรมนีด้วย”
- ชุดแข่งทีมชาติเยอรมนีใช้แบรนด์ Adidas มานานกว่า 70 ปี จนเป็นภาพคุ้นตาของแฟนบอลทั่วโลก แต่กำลังจะเปลี่ยนไปใช้ Nike แทนในปี 2027 (เครดิตภาพ: AFP) -
อย่างไรก็ตาม เดเอฟเบไม่ได้เปิดเผยตัวเลขมูลค่าของสัญญาสปอนเซอร์ชุดแข่งทีมชาติใหม่กับแบรนด์อเมริกัน
ทั้งนี้ Nike จะเข้ามาสนับสนุนชุดแข่งหลักของทัพ “อินทรีเหล็ก” ทั้งทีมชายและทีมหญิง ซึ่งเคยชูถ้วยแชมป์ทัวร์นาเมนท์ใหญ่ในชุดแข่ง Adidas มาแล้วหลายรายการ รวมถึงฟุตบอลโลก (เวิลด์คัพ) และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร)
- นักเตะทีมชาติเยอรมนีในชุดแบรนด์ Adidas ถ่ายภาพหมู่ก่อนลงเตะนัดกระชับมิตรกับทีมชาติออสเตรีย ในกรุงเวียนนา เมื่อปลายปี 2023 (เครดิตภาพ: AFP) -
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1950 ที่นักฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีจะไม่ได้สวมชุดแข่งที่มีโลโก้ 3 แถบของ Adidas แบรนด์กีฬารายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งก่อตั้งในเมืองแฮร์ทโซเกินเอารัคเมื่อปี 1949
- แกร์ด มุลเลอร์ (ซ้าย) ตำนานดาวยิงทีมชาติเยอรมนี และโทมัส มุลเลอร์ (ขวา) นักเตะทีมชาติชุดปัจจุบัน ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวลูกฟุตบอล Adidas ที่ใช้แข่งขันอย่างเป็นทางการในศึกบุนเดสลีกา เมื่อปี 2010 (เครดิตภาพ: AFP) -
ด้านนายโรเบิร์ต ฮาเบ็ก รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี ออกมาวิจารณ์ถึงการเปลี่ยนสปอนเซอร์ชุดแข่งทีมชาติว่า เขาแทบจินตนาการถึงชุดแข่งทีมชาติเยอรมันที่ไม่มีลาย 3 แถบไม่ออก
“แบรนด์ Adidas และสีดำ-แดง-ทอง จะอยู่ในความทรงจำของผมไปตลอด มันเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นเยอรมัน ผมก็ได้แต่หวังว่าเราจะมีความภักดีต่อแบรนด์บ้านเกิดมากกว่านี้” นายฮาเบ็กกล่าว