โปแลนด์เตือน"ยุโรป"ยังไม่พร้อมรับมือรัสเซีย หลายประเทศลดงบทหาร
นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ เตือนว่ายุโรปกำลังเข้าสู่ยุคก่อนสงคราม แม้ขณะนี้ยังไม่มีความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากรัสเซีย
โดนัลด์ ทัสค์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ให้สัมภาษณ์สื่อของเยอรมนีว่า สงครามไม่ใช่แนวคิดจากอดีตอีกต่อไป แต่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่สองปีก่อน และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดตอนนี้คือการที่ทุกสถานการณ์มีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
ทัสค์ บอกด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะฟังดูเลวร้ายสำหรับคนรุ่นใหม่ แต่ทุกคนต้องยอมรับและทำความคุ้นเคยกำความจริงที่ว่ายุคก่อนสงครามเริ่มต้นขึ้นแล้ว
นานหลายทศวรรษมาแล้ว ที่ประเทศในยุโรปพากันลดงบประมาณทางทหารให้เหลือน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งรัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนก.พ. ปี 2565 ทำให้ผู้นำและเจ้าหน้าที่ทหารของยุโรปเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าความขัดแย้งอาจลุกลามไปยังประเทศอื่น
โดยเฉพาะหลังจากที่สวีเดนและฟินแลนด์เเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ยุโรปต้องยกระดับการป้องกันตนเองอย่างจริงจังมากขึ้น แม้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะยืนยันหลายครั้งว่ารัสเซียไม่มีความตั้งใจที่จะโจมตีนาโต
ตอนนี้สามประเทศที่เรียกว่า "สามเหลี่ยมไวมาร์" ประกอบด้วย ฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์ ต่างลุกขึ้นมาเป็นหัวหอกของทวีปในความพยายามที่จะติดอาวุธและป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซียที่มีโอกาสสูงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนโปแลนด์ ซึ่งมีที่ตั้งคั่นกลางระหว่างเยอรมนีและรัสเซีย ทุ่มงบประมาณทางทหารมากกว่า 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ถือว่าสูงกว่าค่ามาตรฐานตามแนวทางของนาโตถึง 2 เท่า ทั้งยังยินดีเปิดพรมแดนต้อนรับผู้อพยพชาวยูเครนหลายล้านคนที่หนีจากการรุกรานของรัสเซียด้วย
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โปแลนด์ เปิดเผยว่า ขีปนาวุธร่อนของรัสเซีย ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ยูเครนได้เคลื่อนผ่านเข้าไปในน่านฟ้าของตน ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงสงครามกว่าสองปีที่ผ่านมา โดยไร้คำอธิบายใดๆจากทางการรัสเซีย
ด้านนายกรัฐมนตรีทัสค์เตือนว่า รัสเซียอาจใช้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ศาลาว่าการเมืองโครคัสครั้งล่าสุด เป็นข้ออ้างในการยกระดับสงครามในยูเครน