หุ้นเกาหลีใต้พุ่งรับ AI ต่างชาติแห่ซื้อหุ้นชิปราคาถูก สูงสุดเป็นประวัติการณ์

หุ้นเกาหลีใต้ได้รับแรงซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม โดยมีมูลค่าการซื้อขายสุทธิราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการชิปราคาที่ค่อนข้างถูก เนื่องด้วยกระแสความนิยมของปัญญาประดิษฐ์  หรือ AI ที่กำลังมาแรง

ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 26 ปี สำหรับไตรมาสนี้นับตั้งแต่ปี 2541 โดยการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้มีการซื้อสุทธิเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันจนถึงเดือนมีนาคม ตามข้อมูลจากสำนักงานบริการกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้

"หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ การเงิน และยานยนต์ได้รับความนิยมจากนักลงทุน" นายคิม ยอง-ฮวาน นักวิเคราะห์จาก NH Investment & Securities กล่าว

กระแสความนิยมของ generative AI ส่งผลให้หุ้นบริษัทผลิตชิปทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น นำโดยบริษัท Nvidia จากสหรัฐฯ ซึ่งแนวโน้มนี้กำลังขยายไปยังเกาหลีใต้เช่นกัน

"ซัมซุง"  ซึ่งเป็นผู้นำด้านชิปหน่วยความจำ มีสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 55% ณ สิ้นเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ท่ามกลางความคาดหวังว่าภาวะซบเซาของอุปสงค์ชิปจะสิ้นสุดลงในปีนี้

นักลงทุนต่างชาติจับจ้อง "ซัมซุง"

"ซัมซุง"  ซึ่งเป็นผู้นำด้านชิปหน่วยความจำ มีสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 55% ณ สิ้นเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ท่ามกลางความคาดหวังว่าภาวะซบเซาของอุปสงค์ชิปจะสิ้นสุดลงในปีนี้

เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญของโลก แนวโน้มของอุตสาหกรรมชิปมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาหุ้น

ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ประกาศในวันอังคารที่ผ่านมาว่าประเทศจะลงทุน 9.4 ล้านล้านวอนใน อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงชิป ภายในปี 2027

โดยดัชนีหุ้น semiconductor ของเกาหลีใต้ (KRX Semiconductor Index) ซึ่งครอบคลุมหุ้นชิปหลักๆ ของประเทศนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% ในวันนั้น

สหรัฐถือหุ้นชิปเกาหลีใต้มากสุด

เมื่อดูสัดส่วนการถือครองหุ้นเกาหลีใต้ แบ่งตามประเทศผู้ลงทุนเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนสหรัฐฯ ถือครองหุ้นเกาหลีใต้มากที่สุด ที่มูลค่า 324 ล้านล้านวอน ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรที่ 81 ล้านล้านวอน และสิงคโปร์ ที่ 63 ล้านล้านวอน ทั้งนี้คาดว่าแรงซื้อสุทธิจากยุโรปและสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

อยากไรก็ตาม พบว่าหุ้นของเกาหลีใต้ถูกประเมินราคาต่ำเกินไป หรือที่ตลาดเรียกกันว่า "ส่วนลดเกาหลี" อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าของบริษัทจดทะเบียนในเกาหลีใต้ ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 1.05 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3.1 สําหรับประเทศที่พัฒนาแล้วมาก

รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนรับมือกับปัญหานี้ ด้วยการวางนโยบายในปีนี้เพื่อเพิ่มเงินปันผลและปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลการกำกับดูแล โดยยึดตามตัวอย่างของบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ราคาหุ้นกำลังเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทต่างๆในตลาดหลักทรัพย์กำลังดำเนินการต่างๆ เช่น การเพิ่มกรรมการภายนอกและตอบสนองต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้นอย่างฉับพลัน