ตร.ฟันธง ‘โจมตีก่อการร้าย’ แทงคนในโบสถ์ซิดนีย์ เจ็บ 4
ตำรวจออสเตรเลียเผย เหตุมือมีดโจมตีระหว่างพิธีในโบสถ์อัสซีเรียเมืองซิดนีย์ เป็นเหตุให้บิช็อปบาดเจ็บ เป็นการโจมตีก่อการร้ายเชื่อมีแรงจูงใจจากลัทธิสุดโต่งทางศาสนา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เกิดเหตุมือมีดแทงคนที่โบสถ์อัสซีเรียคริสต์ เดอะกู๊ดเชพเพิร์ด มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 4 ราย รวมถึงบิช็อปมาร์ มารี เอ็มมานูเอล ระหว่างกระทำพิธีและถ่ายทอดสดในเมืองเวคลีย์ ชานเมืองซิดนีย์ เมื่อวันจันทร์ (15 เม.ย.)
ตำรวจจับกุมวัยรุ่นชายได้หนึ่งคนในที่เกิดเหตุ และกักตัวเอาไว้ในโบสถ์ก่อนเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากผู้ศรัทธามารวมตัวกันอยู่ด้านนอกโบสถ์มาก เรียกร้องให้ตำรวจส่งมอบผู้ต้องส่งมอบผู้ต้องสงสัยรายนี้ จนกลายเป็นเหตุปะทะระหว่างฝูงชนผู้ศรัทธากับตำรวจ
คาเรน เว็บบ์ ผู้บัญชาการตำรวจนิวเซาท์เวลส์ แถลงว่า พิจารณาจากองค์ประกอบแล้วเชื่อว่า มีแรงจูงใจมาจากลัทธิสุดโต่งทางศาสนา
“หลังจากพิจารณาองค์ประกอบทุกอย่างแล้ว ดิฉันขอประกาศว่า นี่คือเหตุก่อการร้าย”
ตำรวจกล่าวด้วยว่า ผู้ก่อเหตุมีการเตรียมการไว้ก่อน ด้วยการเตรียมมีดเดินทางมายังโบสถ์ที่ห่างไกลจากบ้านของตนมาก อย่างไรก็ตามการสอบสวนในขั้นต้นเชื่อว่า เป็นการลงมือเพียงลำพัง
ส่วนการปะทะกันที่นอกโบสถ์มีผู้ร่วมตะลุมบอนกันราว 30 คน ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 7 คน ตำรวจเข้าโรงพยาบาลหลายนาย รถตำรวจเสียหาย 20 คัน
นี่ถือเป็นเหตุไล่แทงครั้งที่ 2 ในเวลาเพียง 3 วันในซิดนีย์ เมืองที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ (13 เม.ย.) มือมีดรายหนึ่งไล่แทงคนในห้างสรรพสินค้าริมหาดย่านบอนดี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บอีก 12 คน
สำหรับการโจมตีล่าสุด คลิปวีดิโอเผยภาพบิช็อป ผู้ถ่ายทอดพิธีสดมีคนดูจากทั่วโลก กำลังเทศนาระหว่างพิธีตอนเย็น จากนั้นมีชายคนหนึ่งเข้ามาจ้วงแทง คลิปนี้มีคนดูบนยูทูบและติ๊กต็อกหลายแสนวิว
บิช็อปรูปนี้เป็นที่รู้จักจากทัศนคติแข็งกร้าวช่วงโควิด-19 ระบาด เขาเคยเรียกการล็อกดาวน์ช่วงโควิดว่า “เป็นการทำให้มวลชนตกเป็นทาส”
ด้านนายคริส มินน์ส นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ขอให้ประชาชนอย่าใช้ความรุนแรงตอบโต้กัน ไม่เช่นนั้นแล้วจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย