“ชาติตะวันตก”กล่อมปักกิ่ง ช่วยคลายขัดแย้ง“รัสเซีย-อิหร่าน”
เยอรมนียังคงมุ่งมั่นที่จะทำการค้ากับรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และปฏิเสธข้อเรียกร้องที่นำโดยสหรัฐ ที่ต้องการให้เยอรมนีออกห่างจากจีน
ท่ามกลางความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการเผชิญหน้ากันระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จีน กลายเป็นตัวละครสำคัญที่บรรดาชาติตะวันตกวิ่งเข้าหาด้วยความหวังว่าจะให้รัฐบาลปักกิ่งใช้อิทธิพลที่มีอยู่กับรัสเซียและอิหร่าน ยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
“โอลาฟ โชลซ์” นายกรัฐมนตรีเยอรมนีและเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐสองคนที่ดูแลภูมิภาคเอเชียตะวันออก เดินทางเยือนจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อกดดันรัฐบาลปักกิ่งให้เลิกสนับสนุนด้านเศรษฐกิจแก่รัสเซียและเกลี้ยกล่อมรัฐบาลมอสโกให้ยอมเจรจาสันติภาพ
นายกรัฐมนตรีโชลซ์ เดินทางถึงจีนเมื่อวันอาทิตย์(14 เม.ย.)ที่ผ่านมา โดยเครื่องลงจอดในเมืองฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและนักธุรกิจจำนวนมาก จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมบริษัท Bosch Hydrogen Powertrain Systems ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนจีน-เยอรมันในเขตเทศบาลเมืองฉงชิ่ง
การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเน้นย้ำว่า เยอรมนียังคงมุ่งมั่นที่จะทำการค้ากับจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และปฏิเสธข้อเรียกร้องที่นำโดยสหรัฐ ที่ต้องการให้เยอรมนีออกห่างจากจีน โดยโชลซ์ กล่าวว่า จีนยังคงเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญมาก และเขาจะพยายามยกระดับการแข่งขันของผู้ประกอบการเยอรมันในจีน
ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ โชลซ์ใช้การเยือนครั้งนี้ โน้มน้าวประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ให้ใช้อิทธิพลของตน พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ให้ช่วยยุติสงครามในยูเครน
สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (ซีซีทีวี) และสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ประธานาธิบดีสี กล่าวกับโชลซ์เกี่ยวกับพื้นฐาน 4 ประการ เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤติการณ์ในยูเครนลุกลามบานปลายจนยากเกินควบคุม และเพื่อฟื้นฟูกระบวนการสันติภาพ แบ่งเป็นการที่นานาชาติต้องรักษาเสถียรภาพ และสันติภาพ ตลอดจนการหลีกเลี่ยงแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องไม่สุมไฟความขัดแย้ง การสร้างเงื่อนไขสันติภาพร่วมกันเพื่อบรรเทาความรุนแรง และการร่วมกันลดผลกระทบเชิงลบจากสงคราม ที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก
หลังจากอิหร่านโจมตีทางอากาศใส่อิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย จีน ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสงบสติอารมณ์และอดทนอดกลั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนว่า สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นคือผลพวงล่าสุดของความขัดแย้งในฉนวนกาซา ดังนั้นควรดำเนินการตามมติ 2728 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ซึ่งเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา เพื่อยุติความขัดแย้งทันที
จีนยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีอิทธิพล รับบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ด้าน“หวัง อี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน โทรศัพท์คุยกับ “ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาฮีอาน” รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ที่ให้คำมั่นกับจีนว่าจะช่วยสกัดไฟสงครามไม่ให้ลุกลามออกไป
หวัง อี้ กล่าวชื่นชมที่อิหร่านยืนยันจะไม่ขยายเป้าหมายการโจมตีในอาณาบริเวณและประเทศเพื่อนบ้าน โดยปฏิบัติการทางทหารของอิหร่านจะจำกัดอยู่ในขอบเขตของการปกป้องตัวเองเท่านั้น แต่ประณามอย่างแข็งกร้าวต่อการโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในซีเรีย และย้ำว่า เป็นการกระทำที่รับไม่ได้
ในการเยือนจีน 3 วันครั้งนี้ โชลซ์มีกำหนดไปเมืองฉงชิ่ง เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง และถือเป็นการเดินทางครั้งที่สอง นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยการเยือนครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนพ.ย. ปี 2565 ซึ่งครั้งนั้น เขาถือเป็นผู้นำกลุ่มจี 7 คนแรกที่เยือนจีน หลังจบโควิดระบาด
แต่ดูเหมือนว่า โชลซ์ กำลังเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากในการรักษาสมดุล ในช่วงที่พันธมิตรตะวันตกของเยอรมนีเผชิญหน้ากับจีนในประเด็นทางการค้าหลายประการ โดยสหภาพยุโรป(อียู)กำลังทำการสอบสวนการอุดหนุนของรัฐบาลจีน ที่ให้การช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่แผงโซลาร์เซลล์ รถอีวี และกังหันลม ซึ่งทำให้บริษัทจีนมีความได้เปรียบเหนือผู้ประกอบการในยุโรป
ส่วนสหรัฐ กำลังสืบสวนความเสี่ยงด้านความมั่นคง ที่เกิดจากเทคโนโลยีรถอีวีจีน ซึ่งการกระชับสัมพันธ์กับจีนของเยอรมนีในครั้งนี้ เสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับพันธมิตรตะวันตก
นอกจากนายกฯเยอรมนีแล้ว รัฐบาลสหรัฐ ได้ส่งแดเนียล คริเทนบริงค์ ทูตระดับอาวุโสที่ดูแลภูมิภาคเอเชียตะวันออก ในรัฐบาลโจ ไบเดน และซาราห์ เบรัน ผู้อำนวยการอาวุโสดูแลจีนและไต้หวันของสภาความมั่นคงแห่งชาติเยือนจีนเพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
“คริเทนบลิงค์และเบรันได้หารืออย่างสร้างสรรค์กับคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนในหัวข้อต่างๆ รวมถึง ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง, ไต้หวัน,เกาหลีเหนือ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน” แถลงการณ์จากรัฐบาลสหรัฐ ระบุ
ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐจะเดินทางเยือนจีนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าและจะหยิบยกข้อกังวลของรัฐบาลสหรัฐในประเด็นที่ว่า วัตถุดิบของจีนถูกนำไปใช้ผลิตอาวุธในรัสเซียเพื่อให้รัสเซียนำอาวุธเหล่านี้ไปสู้รบกับยูเครนขึ้นมาหารือกับทางการจีน