กฎหมาย ‘สหรัฐ’ แบน ‘ติ๊กต็อก’ ซ่อนผลประโยชน์ ซ้อนการเมืองระหว่างประเทศ

กฎหมาย ‘สหรัฐ’ แบน ‘ติ๊กต็อก’ ซ่อนผลประโยชน์ ซ้อนการเมืองระหว่างประเทศ

อ่านเกม ‘สหรัฐ’ หากแม้เดินหน้าแบน ‘ติ๊กต๊อก’ จนสำเร็จ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า กำจัดภัยความมั่นคงประเทศให้สิ้น แต่เบื้องลึกเพื่อผลประโยชน์การเมืองในประเทศ

เมื่อสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐได้ลงนามในร่างกฎหมายเพื่อบังคับให้ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อก (TikTok) ของจีนในส่วนดำเนินงานในสหรัฐต้องขายกิจการ หรือไม่ก็อาจสั่งห้ามประกอบกิจการในสหรัฐ  ซึ่งมาร์ก ซีนนิตี้ รองคณะบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยางของสิงคโปร์ (NTU) มองว่า การแบนติ๊กต็อกจะยังไม่เกิดขึ้นจริงตอนนี้ แต่ติ๊กต็อกอาจต้องเผชิญบททดสอบความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ของผู้ใช้ติ๊กต็อกในไม่ช้า 

ถึงตอนนี้ เวลาเริ่มนับถอยหลังแล้ว และเพื่อให้ติ๊กต็อกปกป้องการถูกแบน อาจต้องมองทางเลือกขายกิจการให้กับผู้ซื้อนอกประเทศจีน ในอีก 9 เดือนข้างหน้า หรือภายในเดือน ม.ค.2568 

อีกทางหนึ่ง หากผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน พ.ย.นี้ สามารถชนะเลือกตั้งได้ ก็อาจสามารถขยายเวลาออกไปได้อีก 3 เดือน ซึ่งตามกรอบเวลา หากนานกว่า 6 เดือนที่กำหนดไว้ในร่างกฎหมายฉบับก่อนหน้า นั่นหมายความว่าจะไม่มีการสั่งห้ามดำเนินการใดๆ ที่จะมีผลบังคับไปจนกว่าหลังเลือกตั้ง

ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า กฎหมายแบนติ๊กต็อก เป็นเพียงจุดขายของรัฐบาลโจ ไบเดน หวังฐานคะแนนเสียง ในการเลือกตั้งปลายปีนี้ 

แนวโน้ม เรื่องถึงศาล

ในระหว่างนี้ อาจมีความท้าทายใหม่ๆ และมีการยื่นอุทธรณ์ทางกฎหมาย อาจหยุดเวลาไว้ได้หลายปี เพื่อให้ติ๊กต็อกรับมือและจัดการกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

"โชว ซื่อ ชิว" ซีอีโอติ๊กต็อก กล่าวเมื่อวันพุธ (24 เม.ย.)ว่า "เราจะต่อสู้เพื่อสิทธิ (ของผู้ใช้) ในศาลต่อไป ถ้าพิจารณาข้อเท็จจริงและรัฐธรรมนูญล้วนอยู่ข้างเรา คาดว่าจะชนะ"   

มุมมองชาวอเมริกันอาจสงสัยกันบ้าง เมื่อได้ยินซีอีโอติ๊กต๊อกที่เป็นชาวสิงคโปร์ออกมาปกป้องสิทธิของพวกเขา และให้คำมั่นดำเนินคดีเพื่อปกป้องไม่ให้บริษัทสัญชาติจีนถูกเซ็นเซอร์ในสหรัฐ

ขณะที่ความท้าทายแรก กลุ่มเสรีภาพพลเมืองอาจเข้าร่วม หวังโน้มน้าวศาลให้คว่ำบาตรกฎหมายดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายทางกฎหมายอาจล้มเหลว หากศาลตีความว่า เป็นการควบคุมพฤติกรรมบริษัท เพียงแต่มีผลกระทบโดยไม่ตั้งใจจากการห้ามดำเนินการเท่านั้น

ศาลอาจตีความกฎหมายดังกล่าวว่า ห้ามรัฐบาลจีนรวบรวมข้อมูลผู้ใช้เพื่อ "ปฏิบัติการจารกรรม" ซึ่งคริสโตเฟอร์ วเลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐเคยกล่าวไว้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ติ๊กต๊อกจะทำการจารกรรมได้

อุปสรรคการขายทอดกิจการ

เมื่อปี 2563 โดนัลด์ ทรัมป์พยายามใช้คำสั่งประธานาธิบดีเพื่อแบนติ๊กต็อก จากนั้นก็เริ่มมีกระแสเรื่องการขายกิจการไบต์แดนซ์ในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้เข้าแทรกแซง ด้วยการทำให้การส่งออกอัลกอริธึมจะทำได้ ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล

"หากไม่มีอัลกอรึธึม การขายกิจการต่อให้ธุรกิจอื่น โดยมีเพียงฐานผู้ใช้งาน เนื้อหา และระบบโครงสร้างพื้นฐานของติ๊กต็อกเท่านั้น ก็จะดึงดูดความสนใจน้อยลง มาจนถึงตอนนี้ อัลกอรึธึมของติ๊กต็อกยังคงเป็นความลับไม่เคยเปิดเผยที่ไหน"

บริษัทไหน วัดใจซื้อธุรกิจติ๊กต็อก

แล้วใครจะเป็นผู้ซื้อที่เต็มใจ ยอมควักเงินจ่ายเงินประมาณ 1 แสนดอลลาร์ให้กับติ๊กต็อก ขณะที่เมทา และอัลฟาเบล ซึ่งอยู่ภายใต้การตรวจสอบกฎหมายการต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐ และสหภาพยุโรปอยู่แล้ว ไม่น่าจะเสี่ยงกับเรื่องนี้อีก 

หากย้อนไปดูผู้ซื้อกิจการต่อติ๊กต็อกที่มีศักยภาพ และเคยแสดงความสนใจก่อนหน้านี้ ได้แก่ Oracle บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นพันธมิตรติ๊กต็อก และยังมีไมโครซอฟท์ 

นอกจากนี้ ยังเป็นการรวมทีมของกลุ่มนักลงทุนที่พอเป็นไปได้ อย่างสตีฟ มูชิน อดีตรัฐมนตรีคลังในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และบ๊อบปี้ โกติค อดีตซีอีโอบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ Activision Blizzard 

มีผลอย่างไร กับผู้ใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐ

หากมีการแบนเกิดขึ้น ซึ่ง "การห้ามใช้" หมายความว่า ชาวอเมริกันยังคงสามารถใช้แอปพลิเคชันที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ได้ แต่จะไม่สามารถดาวน์โหลดหรืออัปเดตใดๆ ได้

แน่นอนว่า พวกเขาสามารถใช้แอปติ๊กต็อกผ่าน VPN เพื่อทำให้เหมือนว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ในสหรัฐ ถึงอย่างไร มีชาวอเมริกันไม่มากที่ใช้ VPN อยู่เป็นประจำ และอาจไม่ลงทุนขนาดนั้น เพื่อโหลด VPN ใช้กับติ๊กต็อกเพียงแอปเดียว

ปัจจุบัน มีผู้ใช้ติ๊กต็อกที่เป็นชาวอเมริกัน ประมาณ 170 ล้านคน ถือเป็นคนส่วนน้อยของแพลตฟอร์มนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดราว 1 พันล้านคน แต่พวกเขาเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาประเทศอื่นๆ ยกเว้นจีน

ติ๊กต็อก ไม่อาจถูกแแทนที่

ความจงรักภักดีของผู้ใช้ติ๊กต็อกนั้น มีต่อครีเอทเตอร์ ไม่ใช่แพลตฟอร์ม บางคนชื่นชอบติดตามอินฟลูเอนเซอร์บนหลายแพลตฟอร์ม ทั้งติ๊กต็อก และอินสตราแกรม 

หากแต่ครีเอทเตอร์ที่หาเลี้ยงชีพบนติ๊กต็อกในสหรัฐย่อมไม่พอใจ หากแฟนๆติดตามพวกเขาไปยังแพลตฟอร์มอื่น จึงมีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมต่อต้านกฎหมายแบนติ๊กต็อก

ถึงอย่างไรก็ตาม อัลกอริทึมของติ๊กต็อกนั้นไม่เหมือนใคร ที่ผ่านมา รายละเอียดถูกเปิดเผยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งอัลกอริทึมของติ๊กต็อกได้รับการพัฒนาพิเศษ และมีแนวโน้มปรับปรุงการคาดการณ์ที่ทำให้ผู้ใช้ติดอยู่กับหน้าจออยู่ต่อเนื่อง นี่เป็นเหมือนเวทมนตร์ที่ยังเป็นความลับของติ๊กต็อก

ที่มา : CNA