ตลาดรถ EV จีนสู้กันสนั่น! หั่นราคากว่า 50 รุ่น กดดันค่ายเล็กเสี่ยงไปไม่รอด
สงครามราคากำลังร้อนแรงในตลาดรถยนต์จีน และกำลังจะทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต่างมุ่งมั่นแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หลังจากจบงานแสดงรถยนต์ Auto China Show ในกรุงปักกิ่ง ผู้เข้าร่วมงานเผยว่าสงครามราคากำลังร้อนแรงในตลาดรถยนต์จีน และกำลังจะทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต่างมุ่งมั่นแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยการที่ราคารถลดลง อาจทำให้เกิดการขาดทุนอย่างหนัก บีบบังคับให้หลายบริษัทต้องปิดกิจการ ซึ่งจะนำไปสู่การควบรวมกิจการกันภายในอุตสาหกรรม เหลือรอดแค่เพียงบริษัทที่มีศักยภาพในการผลิตสูง และมีทุนหนาเท่านั้น
รถอีวีเกือบ 50 รุ่น ลดราคาสู้กับ BYD
ลู่ เทียน หัวหน้าฝ่ายขายของรุ่นรถยนต์ของค่าบีวายดี BYD Dynasty ซึ่งเป็นผู้ผลิต EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์น้ำมันอย่างแน่นอน BYD ตั้งเป้าหมายที่จะปรับกลยุทธ์ในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อนำเสนอสินค้าคุณภาพเยี่ยมในราคาที่ดีที่สุด ดึงดูดลูกค้าชาวจีน
แม้ว่า BYD จะเป็นผู้ริเริ่มสงครามราคาในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ด้วยการลดราคาอยู่ระหว่าง 5 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เพื่อดึงลูกค้าให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์น้ำมัน แต่ ลู่ เทียน ยังไม่ได้ระบุว่า บริษัทจะมีการลดราคาเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินอีกหรือไม่
"สงครามส่วนลด" อันดุเดือดที่กินเวลายาวนาน 3 เดือน ส่งผลให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า 50 รุ่น จากหลายแบรนด์ ถูกลงโดยเฉลี่ยประมาณ 10%
อุตสาหกรรมรถยนต์จีนอาจเกิดวงจรอุบาทว์
"โกลด์แมน แซคส์" ชี้แจงในรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า กำไรสุทธิของอุตสาหกรรมรถยนต์อาจจะติดลบในปีนี้ หาก BYD ลดราคารถยนต์ไฟฟ้าลงอีก 10,300 หยวน หรือประมาณ 1,422 ดอลลาร์ต่อคัน
โกลด์แมนอธิบายเพิ่มเติมว่า ส่วนลด 10,300 หยวน คิดเป็น 7% ของราคาขายเฉลี่ยรถยนต์ BYD โดย BYD มุ่งเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ราคาประหยัด ซึ่งมีราคาอยู่ระหว่าง 100,000 หยวน ถึง 200,000 หยวน
จีน ที่สุดของตลาดอีวีชะลอตัว
แม้ว่าจีนจะเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของยอดขายทั่วโลก แต่ภาคธุรกิจนี้กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และผู้บริโภคไม่เต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินไปกับสินค้าราคาแพง
ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนแผ่นดินใหญ่เพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ทำกำไร เช่น BYD และแบรนด์พรีเมียมอย่าง Li Auto ในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ยังขาดทุนอยู่
ค่ายรถจีนกำลังหาทางเอาตัวรอด
แจ็กกี้ เฉิน หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของ เจทัวร์ Jetour ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน กล่าวว่า การขยายกิจการไปยังต่างประเทศ กำลังกลายเป็นทางออกสำหรับปัญหากำไรที่ลดลงในประเทศจีน และการแข่งขันด้านราคาระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนน่าจะแพร่ขยายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้น
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ฉุย ตงซู เลขาธิการสมาคมรถยนต์แห่งประเทศจีน ได้กล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนแผ่นดินใหญ่ส่วนใหญ่น่าจะยังคงเสนอส่วนลด เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดต่อไป
จุดขายอยู่ที่ 'ราคาและโปรโมชัน' ไม่ใช่ดีไซน์
ผู้จัดการฝ่ายขายในบูธของ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐ ที่งานแสดงรถยนต์ ให้สัมภาษณ์ว่า ราคา และแคมเปญโปรโมชันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของแบรนด์รถยนต์ในจีน มากกว่าดีไซน์ หรือ คุณภาพของตัวรถ เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีน คำนึงถึงราคาเป็นหลัก เมื่อพิจารณาซื้อรถ
BYD บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนโดย Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ทำสถิติกำไรสุทธิประจำปี 2023 ที่ 30,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 80.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
แม้ว่ากำไรของ BYD จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ กำไรสุทธิ ของบริษัทยังคง ตามหลังเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งรายงานกำไรสุทธิ 15,000 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 19.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สงครามราคาน่าจะใกล้จบ?
ไบรอัน กู ผู้บริหารของเสี่ยงเผิง Xpeng ผู้ผลิต รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะสัญชาติจีน กล่าวว่า ราคาน่าจะทรงตัวในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลดีต่อการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว
"การแข่งขันกลับมีข้อดี เพราะกระตุ้นให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัว มีความต้องการมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและเร่งการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน”
อ้างอิง SCMP
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์